(เพิ่มเติม) ตลท.เผย SET Index สิ้นเม.ย. เพิ่มขึ้นจากมี.ค. วอลุ่มทรงตัว แนะนลท.ให้ความสำคัญพื้นฐานหลังปัจจัยตปท.ยังไม่แน่นอน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 8, 2019 13:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์สำหรับเดือนเมษายน 2562 ณ สิ้นเดือนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดที่ 1,673.52 จุด เพิ่มขึ้น 2.1% จากสิ้นเดือนก่อน สูงเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน ขณะที่มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมของ SET และ mai อยู่ที่ 41,915 ล้านบาท ทรงตัวเมื่อเทียบเดือนก่อน โดยผู้ลงทุนต่างประเทศและผู้ลงทุนสถาบันในประเทศมีสถานะซื้อสุทธิในเดือนนี้

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ของตลท. เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยให้ผลตอบแทนเป็นบวกต่อเนื่องในเดือนเมษายน 2562 และผู้ลงทุนต่างประเทศกลับมาซื้อสุทธิในตลาดหลักทรัพย์ไทย ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางของตลาดหลักทรัพย์อื่นในเอเชีย

โดยปัจจัยต่างประเทศสนับสนุนบรรยากาศการลงทุน ได้แก่ การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนเป็นไปในทิศทางที่ประนีประนอมมากขึ้น และการขยายกำหนดเวลาการออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ของอังกฤษ แม้ว่าปัจจัยต่าง ๆ จะเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น แต่ความไม่แน่นอนยังคงมีอยู่ ผู้ลงทุนควรลงทุนอย่างระมัดระวังโดยให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐานและโอกาสในการเติบโตของธุรกิจเป็นหลัก

สำหรับดัชนี SET Index ณ สิ้นเดือนเมษายน 2562 พบว่ากลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มทรัพยากร กลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มบริการให้ผลตอบแทนมากกว่า SET Index ขณะที่มีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมของ SET และ mai อยู่ที่ 41,915 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.2% จากเดือนก่อน โดยผู้ลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิในตลาดหลักทรัพย์ไทย 3,344 ล้านบาท

Forward และ Historical P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนเมษายน 2562 อยู่ที่ระดับ 15.5 เท่า และ 17.5 เท่าตามลำดับ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 14.5 เท่า และ 16.3 เท่าตามลำดับ

อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนเมษายน 2562 อยู่ที่ระดับ 3.12% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียที่อยู่ที่ 2.74% มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมของ SET และ mai ณ สิ้นเดือนเมษายน 2562 อยู่ที่ 17.4 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.0% จากสิ้นปี 2561 สอดคล้องกับทิศทางของดัชนี

ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2562 มูลค่าการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยอยู่ที่ระดับ 6,051 ล้านบาท สูงที่สุดในอาเซียน

นายศรพล กล่าวอีกว่า ส่วนภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ในเดือนเมษายน 2562 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 263,192 สัญญา ลดลง 35% จากเดือนก่อน

ด้านนายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท. กล่าวว่า การซื้อขายตลาดหลักทรัพย์ไทยที่ปรับตัวลงในเช้าวันนี้ สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นในภูมิภาค เนื่องจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ยังไม่มีความชัดเจน แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าปัญหาดังกล่าวจะได้ข้อสรุปภายในเดือน พ.ค.นี้ และคาดในช่วงเดือน พ.ค. กระแสเงินทุนต่างชาติมีโอกาสที่จะกลับเข้ามาในทิศทางที่ดีอีกครั้ง

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติยังคงรอติดตามสถานการณ์การเมืองในประเทศ ความสามารถการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียน รวมไปถึงการส่งออก ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว แต่อย่างไรก็ตามอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยถือว่ายังเติบโตได้ดี โดยมองว่าเงินทุนต่างชาติจะไหลกลับเข้ามาหรือไม่นั้นปัจจัยหลักคือผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเป็นสำคัญ

ขณะที่การเดินทางไปร่วมประชุมตามคำเชิญจากสหประชาชาติ ที่ให้ไปบรรยายเรื่องความยั่งยืน ก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากสภาบันต่างชาติที่ยังคงให้ความสำคัญกับตลาดหุ้นไทย และตลาดหุ้นในภูมิภาคอยู่

พร้อมกันนี้ตลท.อยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนรายย่อยให้มากขึ้น หลังจากที่ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ มีสัดส่วนนักลงทุนรายย่อยซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 16,000 ล้านบาท น้อยกว่าสัดส่วนนักลงทุนสถาบันที่มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 17,000 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะนักลงทุนรายย่อยชะลอการลงทุน และเปลี่ยนไปลงทุนตราสารอนุพันธ์มากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ