หุ้น ALL ปิดเทรดวันแรกที่ 4.82 บาท ลดลง 0.08 บาท (-1.63%) จากราคาขาย IPO ที่ 4.90 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 1,346.86 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 4.94 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 5.20 บาท และราคาลงต่ำสุด 4.82 บาท
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินมูลค่าที่เหมาะสมเบื้องต้นของบมจ.ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ (ALL) ที่ 5.60-6.00 บาท อิง PER ที่ 8 เท่า โดยปัจจุบันบริษัทมีงานรอโอนทั้งสิ้นประมาณ 6 พันล้านบาท และเป็นโครงการที่พร้อมโอนภายในไตรมาส 4 ปีนี้ประมาณ 3.7 พันล้านบาท
ความเสี่ยงสำคัญสำหรับ ALL คือแนวโน้มของตลาดอสังหาฯ ในอนาคต, อัตราดอกเบี้ยที่ส่งผลต่อทั้งต้นทุนของบริษัทและกำลังซื้อของผู้บริโภค, การเปลี่ยนแปลงกฏเกณฑ์การขอสินเชื่อ, การขอ EIA โครงการใหม่ๆ และการโอนโครงการที่ล่าช้ากว่าคาด
นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ALL เปิดเผยว่า การที่หุ้นของบริษัทซึ่งเข้าซื้อขายเป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เช้าวันนี้ มีราคาหุ้นเปิดตลาดที่ 4.94 บาท เพิ่มขึ้น 0.82% จากราคาเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ที่ระดับ 4.90 บาท นับเป็นการสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในธุรกิจของบริษัท
"การที่ราคาหุ้นสามารถยืนได้เหนือระดับราคาจองซื้อ เป็นผลมาจาก บริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และมีศักยภาพการเติบโตสูง จากกลยุทธ์การขยายธุรกิจที่ชัดเจนและต่อเนื่อง ซึ่งต้องยอมรับว่า ALL เป็นหุ้นน้องใหม่ ที่ได้รับความสนใจตั้งแต่วันแรก ที่เปิดให้มีการจองซื้อหุ้น IPO ในช่วงระหว่างวันที่ 26, 29-30 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก โดยมียอดจองซื้อหุ้น IPO เข้ามาเต็มทั้งจำนวน 150 ล้านหุ้น ดังนั้น การที่ราคาหุ้นได้รับความสนใจครั้งนี้ เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในธุรกิจของ ALL"นายธนากร กล่าวALL เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 150 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 4.94 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 735 ล้านบาท โดยจะนำเงินไปใช้ต่อยอดธุรกิจ ทั้งในส่วนการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ชำระคืนเงินกู้ยืม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท เพื่อเพิ่มศักยภาพความแข็งแกร่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ ที่จะก้าวสู่การเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ชั้นนำติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศ โดยชูการเป็นผู้พัฒนาและให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยแบบครบวงจร (Total Real Estate Solutions) ที่เน้น โมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่ง มีความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้ถือหุ้น คู่ค้า พนักงาน เป็นต้น
นายธนากร กล่าวว่า การระดมทุนครั้งนี้ จะทำให้บริษัทสามารถสยายปีกในการต่อยอดธุรกิจ และจะทำให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากตลาดเงินและตลาดทุนสำหรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ ๆ ในอนาคต ตามนโยบายของบริษัทที่จะมุ่งเน้นการขยายธุรกิจ เพื่อสร้างผลการดำเนินงานให้มีความมั่นคงและเติบโตอย่างยั่งยืน และจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้มากขึ้น
ในปี 2562 บริษัทคาดการณ์อัตราการเติบโตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เป็นผลมาจาก ณ สิ้นปี 2561 มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) รวมประมาณ 6,190 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยเริ่มรับรู้รายได้การโอนกรรมสิทธิ์ใน 4 ปีข้างหน้า (ปี 2562 -2565) ส่งผลให้ตั้งแต่ปีนี้ เป็นต้นไป บริษัทมีความสามารถในการทยอยรับรู้รายได้เข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ยังมีมูลค่ายูนิตคงเหลือขายของโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ โครงการที่อยู่ระหว่างการขายและก่อสร้าง และโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและรอการพัฒนา รวมมูลค่าประมาณ 8,700 ล้านบาท
ด้านนายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (ASP) กล่าวว่า เชื่อมั่นว่าหุ้น ALL จะเป็นหุ้น Growth Stock ที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุน รวมถึงสร้างอัตราการเติบโตทางธุรกิจได้อย่างยั่งยืนในอนาคตและพร้อมที่จะก้าวสู่การเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศ