ครม.ต่อเวลาผลิตปิโตรเลียมโครงการสินภูฮ่อม ของกลุ่ม PTTEP ออกไปอีก 10 ปี ช่วยสร้างความมั่นคงพลังงาน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 9, 2019 09:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางเปรมฤทัย วินัยแพทย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา เห็นชอบ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอให้ต่อระยะเวลาผลิตปิโตรเลียมโครงการแหล่งก๊าซสินภูฮ่อม ให้กับผู้รับสัมปทาน ซึ่งได้แก่ บริษัท พีทีทีอีพีเอสพี ลิมิเต็ด ในกลุ่มบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) และคณะ ออกไปอีกเป็นระยะเวลา 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ 3 มิถุนายน 2562 ถึงวันที่ 2 มิถุนายน 2572 สำหรับแปลงสำรวจบนบกหมายเลข EU 1 และนับตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2564 ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2574 สำหรับแปลงสำรวจบนบกหมายเลข E5 เฉพาะในพื้นที่โคราช

ทั้งนี้ การที่บริษัท พีทีทีอีพี เอสพี ลิมิเต็ด ผู้รับสัมปทานและผู้ดำเนินงานตามสัมปทานปิโตรเลียมดังกล่าว ขอต่อระยะเวลาผลิตปิโตรเลียมออกไปอีก 10 ปี เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม

กระทรวงพลังงาน โดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้ศึกษาและพิจารณาคำขอต่อระยะเวลาผลิตปิโตรเลียมของแปลงสำรวจดังกล่าว รวมทั้งได้หารือและให้ผู้รับสัมปทานทบทวนแผนงานและผลประโยชน์ที่เสนอให้แก่รัฐ ซึ่งประเด็นการพิจารณาต่าง ๆ ได้นำเสนอและผ่านการกลั่นกรองของคณะกรรมการปิโตรเลียมก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติ โดยคำนึงถึงศักยภาพปิโตรเลียมและผลประโยชน์ต่อประเทศ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานเป็นสำคัญ

นางเปรมฤทัย กล่าวอีกว่า ปริมาณสำรองปิโตรเลียมของโครงการแหล่งก๊าซสินภูฮ่อม ณ สิ้นปี พ.ศ. 2560 ประเมินว่าจะมีก๊าซธรรมชาติ 114.27 พันล้านลูกบาศก์ฟุต และก๊าซธรรมชาติเหลว 0.38 ล้านบาร์เรล และหากมีการลงทุนเพื่อสำรวจและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะมีโอกาสพบทรัพยากรปิโตรเลียมเพิ่มเติม ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติประมาณ 527 พันล้านลูกบาศก์ฟุต และก๊าซธรรมชาติเหลวประมาณ 1 ล้านบาร์เรล

นอกจากนั้น ในการขอต่อระยะเวลาผลิตปิโตรเลียมในทั้ง 2 แปลงสำรวจ ออกไปอีก 10 ปี รัฐจะได้รับรายได้ ประกอบด้วย ค่าภาคหลวงประมาณ 284 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และภาษีเงินได้ปิโตรเลียมประมาณ 621 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเงินผลประโยชน์ซึ่งผู้รับสัมปทานเสนอเพิ่มเติมให้แก่รัฐ ประมาณ 74 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งสิ้น 979 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 30,349 ล้านบาท

"การต่อระยะเวลาการผลิตปิโตรเลียมดังกล่าวนับเป็นการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ โดยเฉพาะความมั่นคงของระบบไฟฟ้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากก๊าซธรรมชาติที่ผลิตได้จากแหล่งสัมปทานปิโตรเลียมนี้จะถูกนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงหลักสำหรับผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าน้ำพองที่ตั้งอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น นอกจากนั้นยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ลงทุน รวมทั้งส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านการลงทุนของประเทศด้วย"นางเปรมฤทัย กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ