โบรกฯเชียร์"ซื้อ"BA ลุ้นผลงาน Q1/62 พลิกมีกำไรจาก Q4/61 รับไฮซีซั่นท่องเที่ยว,ประมูลดิวตี้ฟรีเพิ่มอัพไซด์ระยะยาว

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 9, 2019 14:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) จากแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/62 "เทิร์นอะราวด์" พลิกมีกำไรสุทธิจากขาดทุน 415 ล้านบาทในไตรมาส 4/61 รับอานิสงส์ไฮซีซั่นฤดูกาลท่องเที่ยว พร้อมจับตากรณีร่วมทุน"ล็อตเต้"เข้าประมูลสิทธิบริหารร้านค้าปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และ 3 ท่าอากาศยานภูมิภาค ของบมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) หวังช่วยเพิ่มอัพไซด์หุ้นในระยะยาว

ขณะที่ยังมองบวกแผนกลยุทธ์เปิดเส้นทางการบินใหม่ และต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีแนวโน้มลดลงในครึ่งหลังของปีนี้ พร้อมชูโครงสร้างธุรกิจ BA เป็นโฮลดิ้ง คอมพานี ที่มีมีกระแสเงินสดแข็งแกร่ง และมูลค่าหุ้น (Valuation) ยังถูกหนุนจากเงินลงทุนที่ถือในหุ้น BDMS, SPF และ BAFS

พักเที่ยงราคาหุ้น BA อยู่ที่ 11.80 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 0.84% ขณะที่ SET เพิ่มขึ้น 0.19%

          โบรกเกอร์                     คำแนะนำ                 ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          บล.โนมูระ พัฒนสิน                  ซื้อ                       16.50
          บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย)             ซื้อ                       14.90
          บล.เออีซี                         ซื้อ                       16.00
          บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส                ซื้อ                       17.10

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า มีมุมมองเชิงบวกในหุ้น BA เนื่องจากคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 1/62 มีกำไร 597 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/61 ขาดทุน 415 ล้านบาท เป็นไปตามปัจจัยด้านฤดูกาลที่ไตรมาสแรกของทุกปีจะเข้าสู่ไฮซีซั่น แต่กำไรอาจลดลง 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลกระทบจากต้นทุนราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ซื้อล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 24%

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผลประกอบการในไตรมาส 2/62 มีโอกาสจะกลับมาขาดทุนสุทธิ เพราะเข้าสู่โลว์ซีซั่น แต่เชื่อว่าจะสามารถพลิกมาเป็นกำไรอีกครั้งในไตรมาส 3/62 เนื่องจากเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวของเกาะสมุย และต้นทุนน้ำมันเที่จะปรับตัวลดลง

ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่าหุ้น BA มีจุดเด่นจาก Valuation ยังถูกเนื่องจากปัจจุบัน BA มีมูลค่าซ่อนจากเงินลงทุนที่ถือในหุ้น บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) ,กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุย (SPF) และบมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ (BAFS) คิดเป็นมูลค่าต่อหุ้น BA เท่ากับ 17.86 บาท สูงกว่าราคาหุ้น BA ขณะนี้ ดังนั้น ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 16.50 บาท

"เรายกให้ BA เป็นหนึ่งในหุ้นได้รับประโยชน์จากปัจจัยด้านฤดูกาล เพราะไตรมาสแรกเป็นไฮซีซั่น ทำให้ผลประกอบการจะพลิกกลับมาเทิร์นอะราวด์ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ ยิ่งกว่านั้นยังมีความโดดเด่นเรื่อง Valuation ที่ถูกหากเปรียบเทียบกับมูลค่าซ่อนในเงินลงทุนหุ้น BDMS,SPF และ BAFS จึงมองอัพไซด์น่าสนใจเข้าซื้อลงทุนช่วงนี้"นายกรภัทร กล่าว

นอกจากนี้ ฝ่ายวิจัยฯ อยู่ระหว่างติดตามปัจจัยใหม่ช่วยเพิ่มอัพไซด์ให้กับ BA ในอนาคต คือการที่ BA จับมือเป็นพันธมิตรร่วมทุนกับ "ล็อตเต้" ผู้ประกอบกิจการดิวตี้ฟรีรายใหญ่จากประเทศเกาหลีใต้ เพื่อเตรียมเข้าประมูลสิทธิบริหารร้านค้าปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และ 3 ท่าอากาศยานภูมิภาค คือ เชียงใหม่ หาดใหญ่ และภูเก็ต เบื้องต้นจะร่วมทุนฝ่ายละ 50% ซึ่งประเมินว่าหาก BA ชนะประมูลโครงการดังกล่าว เชื่อว่าจะเป็นผลบวกกับทิศทางผลประกอบการที่ดีในระยะยาว

ด้าน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่าแม้ผลประกอบการของ BA ในปีนี้ จะถูกกระทบจากธุรกิจสายการบินที่จะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ BA ก็มีเงินลงทุนที่ดี ประกอบกับราคาหุ้นที่ปรับลดลงต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา จนมาอยู่ระดับต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ 15.28 บาท/หุ้น จึงยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ให้ราคาพื้นฐาน 17.10 บาท

ส่วนบทวิเคราะห์บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ BA ในปีนี้คาดว่ารายได้เพิ่มขึ้นเป็น 27,023 ล้านบาท และมีกำไรเพิ่มเป็น 597 ล้านบาท จากแผนกลยุทธ์ที่เปิดเส้นทางบินใหม่ 3 เส้นทาง กรุงเทพ-คัมรัน(เวียดนาม) ,เชียงใหม่-กระบี่ และเชียงใหม่-หลวงพระบาง รวมถึงเพิ่มความถี่กรุงเทพ-ดานัง จาก 7 เที่ยว เป็น 14 เที่ยว/สัปดาห์ และกระบี่-กรุงเทพ จาก 21 เที่ยว เป็น 28 เที่ยว/สัปดาห์

สำหรับเที่ยวบินร่วม (Codeshare) จะเพิ่มอีก 2-3 สายการบิน ช่วยส่งต่อผู้โดยสารมาให้ และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปใช้จองออนไลน์มากขึ้น จึงจับมือกับ OTA (Online Travel Agents) อย่างเอ็กซ์พีเดียเป็นช่องทางในการขายในยุโรป,อเมริกาเหนือ และออสตราเลเซีย โดยอยู่ระหว่างเตรียมร่วมมือกับ OTA ในจีนเพิ่ม ส่งผลให้ BA ตั้งเป้าปีนี้ Load Factor เพิ่มเป็น 70% ผู้โดยสารโต 3% เป็น 6.13 ล้านคน

ธุรกิจการบินที่มีการแข่งขันสูง ทำให้ BA จึงพยายามหาธุรกิจอื่นเข้ามาช่วย เช่น ตั้งบริษัทแห่งใหม่ในการอบรมด้านการบิน หลังจากเข้าถือหุ้นในร้านปลอดอากรที่ลาว การเปิดครัวการบินแห่งใหม่ที่เชียงใหม่และขยายธุรกิจร้านอาหาร นอกจากนี้ จะเข้าร่วมประมูลโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก และสัมปทานพื้นที่ร้านดิวตี้ฟรีของ AOT

สำหรับค่าใช้จ่ายปีนี้ของ BA แม้จะมีการทำป้องกันความเสี่ยงราคาน้ำมันไว้ทั้งปีราว 65% แต่อาจจะไม่ได้ช่วย เพราะทำไว้ที่ต้นทุนสูง แต่ได้ประโยชน์ส่วนที่เหลือจากราคาน้ำมันที่ปรับลง ส่วนค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงคาดจะลดลงหลังการ Heavy maintenance หมดไปในปี 61 รวมถึงการเปลี่ยนฝูงบินใหม่ 20 ลำ คาดว่าจะสรุปได้ในไตรมาส 2/62 ซึ่งเครื่องบินรุ่นใหม่จะช่วยประหยัดการใช้น้ำมันได้ในอนาคต

ด้านบล.เออีซี เผยว่า แม้ในปัจจุบันธุรกิจสายการบินจะยังคงเผชิญกับอุปสรรคท้าทายและปัญหาการแข่งขันที่สูง ความผันผวนของต้นทุนน้ำมัน แต่ลักษณะโครงสร้างธุรกิจของ BA เข้าข่ายเป็นโฮลดิ้ง คอมพานี ที่มีกระแสเงินสดค่อนข้างแข็งแกร่งจากกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาล ขณะเดียวกัน ยังมีการเติบโตอย่างมั่นคงของธุรกิจสนามบินและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสนามบิน ล่าสุดราคาหุ้น BA มีอัพไซด์ที่น่าสนใจจากมูลค่าพื้นฐานปี 62 ที่ 16.00 บาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ