นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/62 มีกำไรสุทธิ 942 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 94% จากไตรมาส 4/61 และเพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/61 มาจากรายได้รวมที่เพิ่มขึ้น 55% มาที่ 9,067 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการรับรู้รายได้ค่าความพร้อมจ่าย (Availability Payment: AP) ที่เพิ่มขึ้น จากโรงไฟฟ้าศรีราชา (IPP) ที่กลับมาเดินเครื่องผลิตได้ตามปกติ หลังจากมีการหยุดซ่อมบำรุงในไตรมาส 4/61
ขณะเดียวกันบริษัทยังรับรู้ผลประกอบการของ บมจ.โกลว์ พลังงาน (GLOW) ภายหลังจากที่เข้าซื้อหุ้น 69.11% แล้วเสร็จ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และมีรายได้เงินปันผลรับจาก บริษัท ราชบุรี เพาเวอร์ จำกัด (RPCL) เข้ามาอีกด้วย
"ผลการดำเนินงาน ของ GPSC สะท้อนถึงการเติบโตและศักยภาพของการเดินเครื่องการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการแสวงหาโอกาสการเติบโตทางธุรกิจใหม่ ๆ ทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโต และความแข็งแกร่งให้กับบริษัทในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมพลังงาน เพื่อตอบสนองความต้องการใช้ของลูกค้าในภาคอุตสาหกรรม และเป็นส่วนสำคัญในการรักษาเสถียรภาพด้านไฟฟ้าให้กับประเทศ"นายชวลิต กล่าว
นายชวลิต กล่าวอีกว่า สำหรับกำไรสุทธิที่เป็นผลมาจากการดำเนินงานของ GPSC หรือ Normalized net profit (NNP) มีจำนวน 1,053 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 82% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 4/61 และเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และเป้าหมายขององค์กร และขีดความสามารถของบุคลากรภายในองค์กร ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการปฎิบัติการ (Operation) ของโรงไฟฟ้า ในแต่ละแห่ง เพื่อให้เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าและไอน้ำได้ตามแผนที่วางไว้
อย่างไรก็ตาม บริษัทเตรียมรับกำลังการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำที่จะเข้าสู่ระบบ 4 โครงการ ประกอบด้วย โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำลิก 1 (NL1PC) ประเทศ สปป.ลาว กำลังการผลิต 65 เมกะวัตต์ ซึ่ง GPSC ถือหุ้น 40% มีเป้าหมายจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในปี 62 ,โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี (XPCL) กำลังการผลิต 1,285 เมกะวัตต์ ประเทศ สปป.ลาว ซึ่ง GPSC ถือหุ้นอยู่ 25% คาดว่าจะจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 4/62
ศูนย์ผลิตสาธารณูปการแห่งที่ 4 จังหวัดระยอง (CUP 4) กำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ ไอน้ำ 70 ตันต่อชั่วโมง ซึ่งจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 3/62 และโครงการโรงไฟฟ้าของบริษัท ผลิตไฟฟ้า นวนคร จำกัด (NNEG) ส่วนขยาย กำลังการผลิตส่วนเพิ่ม 60 เมกะวัตต์ ไอน้ำ 10 ตันต่อชั่วโมง ซึ่ง GPSC ถือหุ้น 30% คาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในปี 63