MTC เดินหน้าโรดโชว์สิงคโปร์-ญี่ปุ่น ช่วง 22-24 พ.ค. ชูเป้ารายได้-กำไรทำนิวไฮต่อเนื่องช่วง 3 ปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 21, 2019 14:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) เปิดเผยว่า ทีมผู้บริหารของบริษัทเตรียมเดินทางไปร่วมงาน dbAccess Asia Conference ที่ประเทศสิงคโปร์ ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2562 จัดโดย Deutsche Bank ซึ่งมีกองทุนเข้าร่วมประมาณ 20 กองทุน และหลังจากนั้นเตรียมบินตรงไปร่วมงาน Thanachart Securities - Daiwa Thai Corporate Day ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 24 พฤษภาคม 2562 จัดโดยบล.ธนชาต ร่วมกับ Daiwa Asset Management โดยมีกองทุนเข้าร่วมประมาณ 10 กองทุน

"การไปร่วมงานโรดโชว์ที่ประเทศสิงคโปร์ และญี่ปุ่น ในครั้งนี้ MTC พร้อมอัพเดทข้อมูลให้นักลงทุนสถาบันและกองทุนชั้นนำได้เห็นพัฒนาการของบริษัท ซึ่งมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นพอร์ตสินเชื่อ รายได้ และกำไร ที่เติบโตต่อเนื่อง สร้างสถิติสูงสุดใหม่มาโดยตลอด นับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงปลายปี 2557 และคาดว่าในปีนี้ รายได้และกำไรจะเติบโตกว่า 35% จากยอดปล่อยกู้ที่เพิ่มสูงขึ้นตามการขยายตัวของสาขา ที่คาดว่าปีนี้จะเพิ่มเป็น 3,900 สาขา ก่อนขยับเป็น 4,500 สาขา ในปี 2563 ผลักดันรายได้และกำไรนิวไฮต่อเนื่อง ตามแผนการดำเนินในช่วง 3 ปีที่บริษัทได้วางเอาไว้"นายชูชาติ กล่าว

นอกจากนี้ MTC ยังถือโอกาสอัพเดทข้อมูลอันดับเครดิตเรตติ้งใหม่ ที่ทริสเรทติ้ง ได้ปรับอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัทเป็นระดับ BBB+/Stable จากเดิมอยู่ในระดับ BBB ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำสถานะองค์กรว่ามีความแข็งแกร่ง มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ โดยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/62 มีกำไรสุทธิ 1,005.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.60% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 833.63 ล้านบาท และมีสาขา 3,444 สาขา (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562) ซึ่งการปรับเพิ่มเรตติ้งในครั้งนี้ จะช่วยลดต้นทุนการกู้ของ MTC ได้กว่า 0.30%

ขณะเดียวกันบริษัทยังมีการบริหารจัดการหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นได้จากคุณภาพหนี้ หรือ อัตราส่วนหนี้เสียสำหรับไตรมาส 1/62 อยู่ที่ 1.04% จาก 1.29% สำหรับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และ 1.12% สำหรับสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2561 เนื่องจากการติดตามหนี้และการควบคุมกระบวนการปล่อยสินเชื่อ และอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ในระดับต่ำเพียง 2.9 เท่า ถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทได้เป็นอย่างดี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ