ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,624.84 จุด เพิ่มขึ้น 10.72 จุด (+0.66%) มูลค่าการซื้อขาย 51,456.34 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีฯแตะจุดสูงสุดที่ 1,628.34 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,614.05 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 865 หลักทรัพย์ ลดลง 520 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 376 หลักทรัพย์
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวก เช่นเดียวกับตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ต่างก็บวกกันเฉลี่ย 0.5%จากความคาดหวังที่มีมากขึ้น หลังจากที่สหรัฐฯได้ไปดีลกับญี่ปุ่น ทำให้เป็นโมเมนตัมที่ดี แม้ว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะยังกดดันอยู่ แต่เชื่อว่าสหรัฐฯกับจีนน่าจะคุยกันได้ก่อนการประชุม G20 ดังนั้น ปัจจัยสงครามการค้าจึงดูจะเป็นบวกเล็กน้อยต่อตลาดฯ
ส่วนบ้านเราปัจจัยในประเทศผ่อนคลายลงหลังการเมืองมีความคืบหน้า และไม่ได้มีปัญหาอะไร นอกจากนี้ MSCI จะปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นไทย ก็น่าจะช่วยทำให้ Fund Flow เข้ามา
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (28 พ.ค.) นายวิจิตร กล่าวว่า ตลาดฯน่าจะยืนได้ แม้ว่าจะมีจังหวะในการเหวี่ยงบ้างในช่วงท้ายตลาดฯ แต่ยังต้องติดตามความคืบหน้าปัจจัยการเมือง โดยหากดัชนีฯยืนได้ 1,620 จุด ก็น่าจะทำให้ตลาดฯยังมีโอกาสรีบาวด์ได้ โดยให้แนวรับ 1,620-1,600 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,635-1,655 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 4,645.41 ล้านบาท ปิดที่ 81.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 3,002.79 ล้านบาท ปิดที่ 66.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,748.00 ล้านบาท ปิดที่ 26.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
SCC มูลค่าการซื้อขาย 1,738.64 ล้านบาท ปิดที่ 468.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,552.97 ล้านบาท ปิดที่ 127.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง