EPG เผยกำไรปี 61/62 ลดลง 9% จากปีก่อน แม้รายได้ขายเพิ่ม แต่ต้นทุนวัตถุดิบสูง-ค่าใช้จ่ายเพิ่มกดดัน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 28, 2019 12:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป (EPG) เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 61/62 (เม.ย.61-มี.ค.62) บริษัทมีรายได้จากการขายทั้งสิ้น 10,579 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 9,607 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 904 ล้านบาท ลดลง 9% จากปีก่อน โดยมีสัดส่วนรายได้ แบ่งเป็น AEROKLAS 50% AEROFLEX 27% และ EPP 23% สำหรับผลประกอบการปี 61/62 เติบโตมาจาก 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ดังนี้

ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex มีรายได้จากการขายรวม 2,868 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้จากการขายเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา และประเทศญี่ปุ่นซึ่งเลือกใช้สินค้าระดับพรีเมี่ยม แม้จะได้รับผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ

ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ภายใต้แบรนด์ Aeroklas ยังคงเติบโตได้ดี มีรายได้จากการขายรวม 5,276 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้จากการขายปรับเพิ่มขึ้นจากผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ พื้นปูกระบะ (Bed Liner) / หลังคารถกระบะ (Canopy) / บันไดข้างรถ (Side Step) และผลิตภัณฑ์ใหม่กันชนหลัง (Rear Bumper) เริ่มออกสู่ตลาดเมื่อปลายปี 61 รวมถึงการรับรู้รายได้จากธุรกิจในต่างประเทศ ซึ่งเป็นช่องทางจัดจำหน่ายที่สำคัญของ Aeroklas ในประเทศออสเตรเลีย โดยบริษัทอยู่ในระหว่างการสร้างเสริม Synergy ระหว่างธุรกิจ ซึ่งจะเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้น

ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก ภายใต้แบรนด์ EPP มีรายได้จากการขายรวม 2,436 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องมาจากบริษัทได้เร่งทำการตลาดในกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหารประเภทกล่องใส่อาหาร ถ้วยน้ำดื่ม และ สินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้น

ด้านต้นทุนขายสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากความผันผวนของราคาวัตถุดิบ ในปีบัญชีนี้บริษัทยังคงใช้ต้นทุนวัตถุดิบที่มีราคาสูง อย่างไรก็ตาม แนวโน้มราคาวัตถุดิบมีทิศทางลดลงในช่วงปลายปีบัญชีจึงคาดว่าจะเริ่มส่งผลบวกแก่บริษัทในปีบัญชีถัดไป นอกจากนี้ มีค่าใช้จ่ายจากการตั้งสำรองทางบัญชีที่เพิ่มขึ้นจากภาระผูกพันผลประโยชน์พนักงานจำนวนหนึ่งตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฉบับแก้ไข โดยอีกส่วนหนึ่งของการตั้งสำรองดังกล่าวจะถูกบันทึกลงในค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร

สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ปรับตัวขึ้นส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายจากการสร้างสาขาร้านค้า/ การพัฒนาผลิตภัณฑ์/ การทำการตลาดของกลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ในต่างประเทศ ซึ่งเป็นการลงทุนเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตและการส่งเสริมการขายและการทำการตลาดของสินค้าทุกบริษัทในประเทศและต่างประเทศ

นอกจากนี้ ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมลดลง จากปัญหาด้านราคาของวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับการตั้งสำรองทางบัญชีที่เพิ่มขึ้นจากภาระผูกพันผลประโยชน์พนักงาน และการเริ่มดำเนินงานของธุรกิจร่วมทุนใหม่ในประเทศแอฟริกาใต้ จึงส่งผลให้กำไรสุทธิในปีนี้ลดลงจากปีก่อนหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ