SENA วางแผนเปิด 3 โครงการใหม่ใน Q2/62 มูลค่าราว 2.28 พันลบ.แม้มองภาพรวมครึ่งปีแรกยังชะลอ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 31, 2019 15:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 2/62 บริษัทยังเดินหน้าเปิดตัวโครงการ จำนวน 3 โครงการ รวมมูลค่าทั้งสิ้น 2,279 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการเสนา แกรนด์ โฮม ติวานนท์-รังสิต จำนวน 88 ยูนิต มูลค่าโครงการ 695 ล้านบาท โครงการนิช ไพร์ด สมเด็จเจ้าพระยา จำนวน 213 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,094 ล้านบาท และโครงการเสนา วณิช อุดรธานี จำนวน 137 ยูนิต มูลค่าโครงการ 490 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี บริษัทยังคงเดินหน้าตามแผนธุรกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการเปิดโครงการใหม่ทั้งในกรุงเทพ ปริมณฑลและต่างจังหวัด จำนวน 20 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 18,779 ล้านบาท ซึ่งบริษัทพร้อมในการนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาพัฒนาสินค้าเพื่อย้ำจุดยืนในการพัฒนาที่อยู่อาศัย ผ่านมุมมอง "small is BIG" ภายใต้แนวคิด "MADE FROM HER 2019" ใส่ใจทุกดีเทลชีวิตจากแนวคิดแบบผู้หญิง เป็นการตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยในปัจจุบันอย่างสูง

ขณะที่บริษัทมียอดขายที่รอรับรู้รายได้จากการโอน (Backlog) คิดเป็นมูลค่า 11,704 ล้านบาท ณ สิ้นเดือน มี.ค.62 รวมโครงการ JV คอนโดมิเนียมในกรุงเทพและปริมณฑล ประกอบด้วย "นิช โมโน สุขุมวิท แบริ่ง" "นิช ไพร์ด เตาปูน-อินเตอร์เชนจ์" "ปีติ เอกมัย" "นิช โมโน เจริญนคร" "นิช โมโน เมกะ-สเปซ บางนา" "นิช โมโน รามคำแหง" โครงการแนวราบในต่างจังหวัด ประกอบด้วย "เดอะ ลิฟวิ่ง นารายา 2" "บ้านบูรพา บ่อวิน" "พราวทาวน์" ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 62-64 ตามลำดับ

นางสาวเกษรา กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ของปี 62 ยังคงจะชะลอตัว ซึ่งในไตรมาสนี้จะไม่เห็นการปรับขึ้นของซัพพลายใหม่หรือราคาขายที่เพิ่มขึ้น แต่มีการประเมินว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะเน้นเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังแทนขณะที่ดีมานด์ยังส่งสัญญาณที่ดี โดยเฉพาะความต้องการที่อยู่อาศัยของกลุ่มเรียลดีมานด์ทั้ง บ้านเดี่ยว และทาวน์โฮม ประกอบกับบริษัทมีการออกแคมเปญเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อให้แก่ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การดำเนินงานช่วงไตรมาส 1/62 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 1,212.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 124.5 ล้านบาท คิดเป็น 11.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยมีปัจจัยหลักมาจากรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ รายได้จากการขายและบริการ

ขณะที่กำไรสุทธิ 159.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 13.2% ของรายได้รวม ลดลง 4.8 ล้านบาท คิดเป็น 2.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 164.6 ล้านบาท เป็นผลมาจากบริษัทได้จัดโปรโมชั่นเพื่อการกระตุ้นยอดขายตั้งแต่ปี 61 และเกิดการรับรู้รายได้ในปี 2562 รวมถึงต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างหลายโครงการ อาทิ "นิช โมโน สุขุมวิท - ปู่เจ้า" "นิช ไอดี พระราม 2" "นิชโมโน สุขุมวิท 50" และ "เดอะคิทท์ พลัส พหลโยธิน – คูคต"

สำหรับรายได้ที่เพิ่มขึ้นไตรมาสแรกปีนี้มาจากการขายที่อยู่อาศัย 997.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100.9 ล้านบาท คิดเป็น 11.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแยกเป็นรายได้จากการร่วมลงทุนและต่อยอดการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบในต่างจังหวัดภายใต้ บริษัทเสนา วณิช ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ที่สามารถรับรู้รายได้ครั้งแรกจากโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้นจากโครงการแนวราบต่างจังหวัด คิดเป็น 32.9 ล้านบาท รวมทั้ง แบรนด์ "นิช" จำนวน 235 ยูนิต มูลค่า 531.0 ล้านบาท แบรนด์ "เดอะ คิทท์" จำนวน 91 ยูนิต มูลค่า 156.5 ล้านบาท และประเภทบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์ ภายใต้แบรนด์ "เสนาพาร์ควิลล์" "เสนาพาร์คแกรนด์" "เสนาวิลล์" "แพรมาพร" จำนวน 25 ยูนิต มูลค่า 138.4 ล้านบาท ช็อปเฮ้าส์และอเวนิว จำนวน 18 ยูนิต มูลค่า 138.5 ล้านบาท

บริษัทยังมีรายได้จากค่าเช่าและบริการ 182.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.4 ล้านบาท คิดเป็น 10.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสัดส่วนรายได้ ประกอบด้วย รายได้ค่าเช่าและบริการอพาร์ทเม้นท์ 3.9 ล้านบาท รายได้บริหารนิติบุคคล 8.6 ล้านบาท รายได้ธุรกิจเช่าโกดัง 7.5 ล้านบาท รายได้คอมมูนิตี้มอลล์เสนาเฟสท์ 19.8 ล้านบาท รายได้จากสนามกอล์ฟเท่ากับ 31.6 ล้านบาท รายได้รับบริหารโครงการ 99.4 ล้านบาท รายได้จากการให้เช่าที่ดิน 0.9 ล้านบาท และรายได้ค่านายหน้า-ที่ปรึกษาขายอสังหาริมทรัพย์ 10.9 ล้านบาท

ส่วนรายได้จากธุรกิจโซลาร์ 4.5 ล้านบาท ลดลง 0.8 ล้านบาท คิดเป็น 15.1% อย่างไรก็ตามบริษัทมีการตกลงซื้อขายอุปกรณ์พร้อมติดตั้ง สำหรับระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป)กับ บมจ.อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ในปี 62 พร้อมกันนี้ บริษัทยังมองหาโอกาสในการขายไฟฟ้าตรงให้กับเอกชนหรือ Private PPA

"อนาคตโซลาร์ยังมีการเติบโตจากเทคโนโลยีที่พัฒนาให้ต้นทุนต่ำลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะขณะนี้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เปิดให้มีการยื่นเสนอขายไฟฟ้าโครงการโซลาร์ภาคประชาชนที่เหลือจากการใช้ เสนาในฐานะผู้นำในการพัฒนาหมู่บ้านโซลาร์ฯ เจ้าแรก ได้มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมนโยบายรัฐที่คาดว่าบ้านที่ติดโซลาร์ในอนาคตจะได้รับการตอบรับจากผู้ซื้อมากขึ้น" นางสาวเกษรา กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ