นายสุรงค์ บูลกุล ประธานคณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยถึงการดำเนินการกรณี กทพ.แพ้คดีกับ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ว่า หลังจากคณะกรรมการ กทพ.มีมติให้ขยายระยะเวลาสัมปทานโครงการออกไปอีก 30 ปีเพื่อแลกกับการยุติข้อพิพาทระหว่าง กทพ.กับ BEM แล้ว ขณะนี้ร่างสัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 (ส่วน A ,B ,C ) , ทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน D และ โครงการทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด (C +) ที่จะขยายสัมปทานโครงการออกไปอีก 30 ปี อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานอัยการสูงสุด หากพิจารณาเสร็จแล้วก็จะเสนอไปยังกระทรวงคมนาคม และ คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติต่อไป
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (สร.กทพ.) พยายามรื้อสัญญาการต่ออายุสัมปทานทางด่วนไปอีก 30 ปีนั้น นายสุรงค์ กล่าวยืนยันว่าไม่มีอย่างแน่นอน และคณะกรรมการ กทพ.พิจารณาเป็นไปตามขั้นตอน ตามมติ ครม.ที่ให้บอร์ด กทพ.ไปเจรจากับ BEM ซึ่งทาง กทพ.ได้ดำเนินการเจรจามา 10 ครั้งแล้ว นับตั้งแต่เดือน พ.ย.61
"หากเราไม่ทำ ผลคดีออกมาว่าเราแพ้ต้องจ่าย 4.3 พันล้านบาทยังมีดอกเบี้ย แล้วยังมีอีก 18-19 คดี รวมมูลฟ้อง 1.3 แสนกว่าล้านบาท ถ้าเราสู้อย่างมากก็เสมอ แต่ถ้าแพ้ต้องชำระ จะเอาเงินจากไหน เราเจรจาต่ออายุสัมปทานเป็นทางเลือกที่เหมาะสม เราพยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว"ประธานบอร์ด กทพ. กล่าว
อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถกำหนดเวลาได้ว่าจะมีการนำเสนอ กระทรวงคมนาคมและครม.ได้เมื่อใด