OSP ลบ 4.29% โบรกฯปรับลดคำแนะนำหลังราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยบวกปีนี้ไปมากแล้ว-ช่วงสั้นรับ Sentiment ลบจากบาทแข็งค่า

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday June 24, 2019 10:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น OSP ราคาไหลลง 4.29% มาอยู่ที่ 33.50 บาท ลดลง 1.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 572.33 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.28 น. โดยเปิดตลาดที่ 35.25 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 35.25 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 33.25 บาท

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯปรับลดคำแนะนำหุ้น บมจ.โอสถสภา (OSP) จาก"ซื้อ"เป็น"เก็งกำไร"หลังจากที่ราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยบวกปีนี้ไปมากแล้ว โดย OSP เคยเป็นหุ้น Top pick ในกลุ่มเครื่องดื่มปี 2562 แต่ด้วยราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องถึง 43% YTD ทำให้ปัจจุบันซื้อขายที่ PER2562 สูงถึง 35x และราคาตลาดสูงกว่าราคาเป้าหมายอยู่ 4.5% จากประเด็นบวกหลายส่วนทั้งจากรายได้ที่เติบโตสวนทางตลาดคาดว่าจะไม่เติบโต และการถูกเพิ่มเข้าในการคำนวณดัชนี SET50 และ FTSE ซึ่งมีผลบังคับใช้ไปแล้ว จึงหมดประเด็นบวกใหม่หนุนในช่วงสั้น และได้รับ Sentiment ลบจากการแข็งค่าของเงินบาท เนื่องจากมีรายได้จากการส่งออกราว 17% ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในประเทศเมียนมาร์

ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรปกติไตรมาส 2/62 เบื้องต้นของ OSP ที่ราว 800 ล้านบาท+/- ทรงตัว QoQ แต่เติบโตราว 40% YoY เพราะไตรมาส 2/61 มีปัญหาต้นทุนเศษแก้วสูง มีปิดเตาหลอมเศษแก้ว และกำลังการผลิตของ C-Vitt ยังขยายไม่เสร็จ อย่างไรก็ตามในแง่ของกำไรสุทธิอาจอยู่ที่เพียง 700 ล้านบาท +/- เนื่องจากมีการตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงานราว 100 ล้านบาท แต่ไม่มีผลต่อการประเมินมูลค่า เนื่องจากเป็นรายการเกิดขึ้นครั้งเดียว สำหรับแนวโน้มกำไรในครึ่งปีหลัง (H2/62) คาดขยายตัวทั้ง HoH และ YoY ทั้งจากรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นขยายตัว โดยยังคาดอัตรากำไรขั้นต้นทั้งปีไว้ที่ 34.6% ซึ่งอยู่ในกรอบเป้าหมายของบริษัทที่ 34 – 35% จึงยังไม่มีประเด็นบวกใหม่ที่หนุนการปรับประมาณการขึ้นในช่วงสั้น จึงยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2562 ไว้ที่ 3,038 ลบ. เติบโต 25.1% YoY

พร้อมคาดกำไรปกติปี 2563 ไว้ที่ 3,270 ล้านบาท เติบโตเพียง 7.6% YoY แต่ด้วยรายได้ที่อาจเติบโตได้สูงกว่าที่คาด (คาด 1.8% YoY) จาก 1) โรงงานพม่าเริ่มดำเนินการเต็มปี 2) สินค้าใหม่ที่เปิดตัวในปีนี้ ส่งผลเต็มที่ในปีหน้า 3) การขยายตลาดไปยังเวียดนามจะเริ่มมีมูลค่าที่มีนัยสำคัญมากขึ้น ซึ่งทั้ง 3 ประเด็นนี้ยังไม่รวมไว้ในประมาณการกำไรปี 2563 ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นยังคาดไว้เพียง 34.9% มีโอกาสดีกว่าคาดจากโรงงานหลอมเศษแก้วแห่งใหม่ที่จะเข้ามาช่วงเดือน ส.ค. นี้สามารถผลิตขวดแก้วที่ใช้เศษแก้วน้อยลงได้ นอกจากนี้เครื่องล้างเศษแก้วใหม่ทำให้ OSP สามารถซื้อเศษแก้วที่ไม่สะอาดมากเหมือนแต่ก่อนได้ซึ่งมีต้นทุนต่ำกว่า เพราะเครื่องล้างมีประสิทธิภาพในการล้างสูง อย่างไรก็ตามยังคงระมัดระวังเพราะอาจมีผลกระทบจากการเปิดโรงงานใหม่ในเมียนมาร์ที่อาจผลิตไม่ถึงจุดคุ้มทุนในช่วงแรกมากระทบอัตรากำไรขั้นต้นในช่วง H1/63 อยู่บ้าง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ