AECS คาด SET สัปดาห์นี้แกว่งขึ้นมีโอกาสทดสอบ 1,730 จุด จากสภาพคล่องตปท.จับตา G20-ความตึงเครียดอิหร่าน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 25, 2019 10:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บล.เออีซี (AECS) ระบุว่า ทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ในสัปดาห์นี้ ทางฝ่ายวิเคราะห์มองโอกาสแกว่งขึ้นทดสอบที่ 1,730 จุด หลังได้แรงหนุนจากสภาพคล่องทางการเงินในต่างประเทศที่มีแนวโน้มผ่อนคลายทั้งในจีนและสหภาพยุโรป (EU) บวกกับผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ครั้งล่าสุดส่งสัญญาณ Dovish มากขึ้น ประกอบกับยังมีแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่คาดปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ

จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้มองกลยุทธ์ลงทุนในหุ้น 4 กลุ่มหลักที่ยังคงมีประเด็นน่าจับตา อาทิ กลุ่มเนื้อสัตว์ ที่คาดว่าได้อานิสงส์บวกจากราคาเฉลี่ยของเนื้อหมูและเนื้อไก่ที่ปรับตัว ดังนั้นจึงแนะนำ CPF โดยมองว่าช่วงไตรมาส 1/62 กำไรเติบโต 40.37%YoY จากธุรกิจสุกรของไทย เวียดนาม และกัมพูชาปรับตัวดีขึ้น เพราะราคาสุกรที่ลดต่ำลงในปีที่แล้วกลับเข้ามาสู่สภาวะปกติ รวมทั้งการบริหารจัดการด้านการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ส่วนภาพทั้งปีมองสถานการณ์โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ที่ระบาดในประเทศจีนส่งผลให้ราคาสุกรมีแนวโน้มสูงขึ้น

และ TFG เนื่องจากกำไรในไตรมาส 1/62 โต 84.34%YoY จากผลบวกของราคาหมูและไก่ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น แนวโน้มปี 62 คาดยอดขายทำ New High จากปริมาณขายไก่และหมูทั้งในและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ผลจากการเพิ่มกำลังการผลิตและเจาะตลาดส่งออกใหม่ ขณะที่ธุรกิจอาหารสัตว์ตั้งเป้า 2-3 ปีขยายกลุ่มลูกค้านอกเครือข่ายจาก 20% เป็น 50%

นอกจากนี้มองฝ่ายวิเคราะห์ ยังแนะนำกลุ่มได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น โดยเลือกหุ้นนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศที่ได้ประโยชน์ดังกล่าวจากต้นทุนสินค้าถูกลง ได้แก่ SYNEX ตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าประเภทอุปกรณ์สื่อสารและสินค้ากลุ่มคอมเมอร์เชียลที่มีแนวโน้มเติบโตสูง บวกกับมีแผนเพิ่มกลุ่มสินค้าใหม่ ทั้ง Gaming, Cloud service, Security และ Internet of Things

และหุ้น HARN มองว่ากำไรปี 62 เติบโต 12.7%YoY จาก Backlog ณ สิ้น 1Q62 อยู่ที่ 520.7 ล้านบาท และมีโอกาสได้งานต่อเนื่องจากโครงการภาครัฐและเอกชน อีกทั้งราคาหุ้นปัจจุบันเทรด Forward P/E ปีนี้ที่ระดับ 8.92

กลุ่มค้าปลีก คาดได้ประโยชน์จากการเมืองไทยที่ชัดเจนมากขึ้น บวกกับได้อานิสงส์บวกจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ที่มุ่งเป้าที่การบริโภคของภาคเอกชนเป็นอันดับต้นๆ จึงแนะนำ CPALL มองว่าบริษัทฯตั้งเป้ายอดขายปี 62 โตไม่ต่ำกว่า 7% YoY ประกอบกับมี เป้าหมายที่จะขยายสาขาให้ครบ 13,000 สาขาภายในปี 2564

และ กลุ่มหุ้นกระแสเงินสดแข็งแกร่ง มองว่าหุ้นที่มีความมั่นคงทางกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ได้แก่ กลุ่มพลังงานทางเลือก แนะนำ TPCH โดยมองระยะยาวมีแนวโน้มโตสดใส จากเป้าปี 63 จะเพิ่มกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าชีวมวล เป็น 200 MW และโรงไฟฟ้าจากขยะกำลังการผลิต 50 MW จากปัจจุบันมีโครงการโรงไฟฟ้าที่ COD แล้ว 60 MW, โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 49 MW และโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนา10 MW)

และ BAFS ที่มองว่าส่วนปี 62 ตั้งเป้ารายได้โต 8-9 %YoY และเป้าปริมาณการเติมน้ำมันโต 4%YoY ตามจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น พร้อมกับเริ่มรับรู้รายได้ท่อส่งน้ำมัน บางปะอิน-พิจิตร และเตรียมเข้าประมูลโครงการจัดเก็บและเติมน้ำมันในสนามบินอู่ตะเภา

ฝ่ายวิเคราะห์ ยังคงแนะให้นักลงทุนจับตาช่วงปลายสัปดาห์นี้ ต่อกรณีการพูดคุยระหว่างผู้นำสหรัฐฯและจีนเกี่ยวกับการแก้ปัญหาสงครามการค้า หลังการประชุม G20 วันที่ 28-29 มิ.ย. เพื่อประเมินการเคลื่อนไหวของดัชนีในช่วงถัดไป อย่างไรก็ดี ยังมีความเสี่ยงจากความตึงเครียด ระหว่างสหรัฐฯ-อิหร่าน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจะใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน หลังจากอิหร่านยิงโดรนสอดแนมของกองทัพสหรัฐฯ ในวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ