บอร์ด SMIT หาทางเพิ่มสภาพคล่องหุ้นมี.ค./ส่งซิกปันผลปี 50 กว่า 0.14 บ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 11, 2008 15:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บอร์ด บมจ.สหมิตรเครื่องกล(SMIT)เลื่อนหารือประเด็นเพิ่มสภาพคล่องหุ้นในตลาดฯ ออกไปจากเดิมที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเดือน ก.พ.นี้ โดยเห็นว่ายังไม่ใช่ประเด็นเร่งด่วน ซึ่งคาดว่าจะมีการหารือในการประชุมบอร์ดเดือนมี.ค.พร้อมกับพิจารณาการจ่ายเงินปันผลของงวดปี 50 ที่น่าจะจ่ายได้มากกว่าปี 49 ที่จ่ายปันผลในอัตรา 0.14 บาท/หุ้น ส่วนในปี 51 คาดว่าน่าจะรักษาระดับการเติบโตของรายได้ไว้ที่ 10% ตามเป้าหมาย 
นายชัยศิลป์ แต้มศิริชัย ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ SMIT กล่าวว่า การประชุมบอร์ดศุกร์ที่ผ่านมายังไม่ได้มีการพิจารณาว่าจะเพิ่มสภาพคล่องหุ้นอย่างไร แต่คาดว่าในการประชุมบอร์ดอีกครั้งในเดือน มี.ค.จะมีการพูดคุยกัน
"เรากำลังศึกษากันอยู่ว่าควรทำอย่างไร ที่จริงหุ้น SMIT มีพอสมควรในตลาด แต่ไม่ค่อยมีซื้อขายกัน อาจจะเป็นหุ้นที่ดีที่คนอยากถือลงทุนระยะยาวก็ได้ เพราะราคาก็ไม่แกว่งมาก ประชุมบอร์ดกันครั้งหน้าอาจจะมีคุยกัน"นายชัยศิลป์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ส่วนเรื่องการจ่ายปันผลจากผลประกอบการงวดปี 50 คาดว่าจะสามารถจ่ายได้ในอัตราที่สูงกว่างวดปี 49 ที่จ่ายปันผลในอัตรา 0.14 บาท/หุ้น โดยนโยบายเงินปันผลของบริษัทกำหนดไว้ไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล สำรองตามกฎหมาย และการสำรองไว้ส่วนหนึ่งเพื่อการขยายงาน
"คิดว่าจ่ายได้ รับรองว่าดีกว่าดอกเบี้ย"นายชัยศิลป์ กล่าว
ผลดำเนินงานปี 50 SMIT มีกำไรสุทธิ 166.43 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.31 บาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 49 ที่มีกำไร 161.13 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.30 บาท
นายชัยศิลป์ กล่าวว่า ในปี 51 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% จากปี 50 ที่มีรายได้ 1,900 ล้านบาท และมีความตั้งใจที่จะทำให้รายได้เติบโตในระดับ 10% ทุกปี เนื่องจากสถานการณ์ราคาเหล็กยังอยู่ในช่วงขาขึ้น และบริษัทก็สามารถทำกำไรได้มากขึ้น โดยแผนงานปีนี้พยายามรักษาสถานภาพของบริษัทไว้
"ปีนี้พยายามรักษาอัตราการเติบโตให้ดีขึ้น เราตั้งเป้าโต 10% ทุกปี คณะกรรมการบริหารพยายามเต็มที่...ต้องรอดูไตรมาส 1 ก่อน ดูภาพรวมเศรษฐกิจโลก ดูผลงานของเราเอง"นายชัยศิลป์ กล่าว
นายชัยศิลป์ กล่าวถึงสถานการณ์เหล็กในตลาดโลกว่า เวลานี้ราคาเหล็กปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทมีแผนจะหาทุนมาใช้ซื้อสต็อกสินค้าเอาไว้ใช้ในยามจำเป็น ซึ่งอาจเป็นการขอกู้จากสถาบันการเงิน เนื่องจากสัดส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทยังอยู่ในระดับต่ำ
"ทุนในที่นี้เยอะแยะ อาจจะกู้ก็ได้ กู้แล้วก็ไปซื้อสินค้ามาสต็อก แต่เราก็ศึกษาหลายทาง ถ้ามีของถูกแล้วเรามีเงิน D/E เราแค่ 0.5 ก็อาจจะกู้จากแบงก์ เปิด L/C มันเป็นไปได้หลายทาง"นายชัยศิลป์ กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทนำเข้าเหล็กจากออสเตรีย จีน เกาหลี และ ไต้หวัน ขณะที่ลูกค้าหลักของ SMIT คือ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ