LGT ปรับน้ำหนักหุ้นไทยขึ้นสู่ Neutral บาทแข็ง-เศรษฐกิจโตต่อเนื่อง ไม่ห่วงการเมือง แต่สงครามการค้ายังกดดัน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 3, 2019 16:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสเตฟาน โฮเฟอร์ กรรมการผู้จัดการและหัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนในทีมบริการด้านการลงทุนของ LGT Bank Asia กล่าวว่า นักลงทุนต่างชาติมีมุมมองตลาดหุ้นไทยในขณะนี้เป็น Safe Heaven ใน Top List โดยจะเห็นได้ว่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจยังขยายตัวต่อเนื่อง แม้จะมีวิกฤติเศรษฐกิจหรือปัญหาการเมือง แต่ตัวเลขเศรษฐกิจรีบาวด์กลับมาได้

อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามประเด็นที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะมีผลต่อตลาดหุ้นไทย โดยคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อยู่ในสถานะที่สามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้หากเฟดปรับลดดอกเบี้ยลง เพราะอัตราเงินเฟ้อยังไม่สูง และการขยายตัวสินเชื่อยังค่อนข้างต่ำ ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้มีส่วนต่างดอกเบี้ยระหว่างไทยกับสหรัฐสูงเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบให้เงินบาทแข็งค่ามากชึ้น

ส่วนการเมืองไทยแม้จะยังมีความวุ่นวายบ้าง แต่การผลิตภาคอุตสาหกรรมก็ยังดำเนินการต่อไปได้ ดังนั้นเรื่องการเมืองจึงไม่ใชประเด็นหลักของนักลงทุน

"ต่างชาติมองหุ้นไทยและเอเชียแปซิฟิกให้น้ำหนักขณะนี้ปรับเป็น Neutral จากเมื่อต้นปี 62 ให้น้ำหนัก Overweight ที่ราคาปรับตัวขึ้นมามากแล้ว และลดความผันผวนของพอร์ต และเมื่อเศรษฐกิจโลกดีขึ้น เอเชียแปซิฟิกและไทยก็จะกลับมาเพิ่มน้ำหนัก"นายสเตฟาน อธิบาย

นายสเตฟาน ยังมีมุมมองช่วง 3-6 เดือนแนะนำให้จัดพอร์ตกระจายความเสี่ยง แบ่งเป็นสัดส่วน 48% ลงทุนในตราสารทุน โดยครึ่งหนึ่ง หรือ 24% เป็นการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ รองลงมาเป็นการลงทุนในตลาดหุ้นในยุโรป และสัดส่วน 40% ลงทุนตราสารหนี้ และทีเหลือ 12% แนะลงทุน REIT และทองคำ

นายสเตฟาน กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลังภาวะเศรษฐกิจโลกมีความเป็นไปได้ที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะเกิดการหดตัว การถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) และความขัดแย้งการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ แม้ว่าในการประชุม G20 ทั้งสองฝ่ายจะเริ่มเจรจากันใหม่ แต่มองว่าการที่ประธานาธิบดีสหรัฐยังไม่ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน เพราะเกรงว่าจะกระทบกับผู้บริโภคของสหรัฐเอง ขณะเดียวกันมองว่าเวียดนามจะเป็นรายต่อไปที่สหรัฐจะหันมาเพิ่มภาษีนำเข้าหลังเห็นส่วนแบ่งการส่งออกไปสหรัฐมากขึ้น รวมถึงเกาหลีใต้และไต้หวันด้วย อีกทั้งหากการเจรจาไม่สำเร็จ เยอรมันก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย

นอกจากนี้ การคาดการณ์การปรับขึ้นและลดดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากเมื่อต้นปีคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย และก็ปรับเปลี่ยนเป็นคาดว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยภายในสิ้นปีนี้ ทั้งนี้ ยังต้องติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่จะประกาศวันที่ 5 ก.ค.นี้หากออกมาดีอาจทำให้ความจำเป็นการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดน้อยลง ก็จะส่งผลต่อตลาด

นายสเตฟาน ชี้ให้เห็นว่าดัชนีของผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) มีความสัมพันธ์กับตลาดหุ้น ถ้าออกมาดีหุ้นก็ปรับตัวขึ้น และขณะนี้ PMI เริ่มมีการปรับตัวลง อย่างไรก็ตาม คาดว่าภาวะเศรษฐกิจโลกปี 62 แม้มีความเสี่ยงแต่มองว่ายังขยายตัวได้ และปี 63 ก็ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง แต่ในปี 64 อาจมีความเสี่ยงทำให้เศรษฐกิจถดถอยได้ เนื่องจากจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจะลงเลือกตั้งอีก 1 สมัย ดังนั้นเชื่อว่ารัฐบาลสหรัฐจะกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้มี sentiment บวกต่อผลการเลือกตั้ง และก่อนการเลือกตั้งในแดือน พ.ย. หากเศรษฐิกชะลอตัว เชื่อว่ารัฐบาลสหรัฐจะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยนโยบายการคลัง

ทั้งนี้ มองว่าปัจจุบันอยู่ในช่วงดัชนี PMI ระดับสูงและกำลังลง และจะเข้าสู่ดัขนี PMI ระดับต่ำและกำลังลง พร้อมแนะนำลงทุนหุ้นในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค การแพทย์ โทรคมนาคม รวมทั้งหุ้นสหรัฐ และหุ้นฮ่องกง โดยให้หลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มยานยนต์ วัสดุ ธนาคาร หุ้นอิตาลี และหุ้นสหราชอาณาจักร

อนึ่ง LGT เป็นกลุ่มธุรกิจบริหารด้านไพรเวทแบงก์และการลงทุนทรัพย์สินของราชวงศ์แห่งลิกเตนสไตน์ (Princely House of Liechtenstein) โดย LGT เป็นบริษัทชั้นนำที่ดำเนินงานบริการด้านการเงินระดับนานาชาติ โดยมุ่งเน้นการบริการไพรเวท แบงก์ และการบริหารทรัพย์สิน ปัจจุบันมีสำนักงานมากกว่า 20 แห่งทั่วทวีปยุโรป เอเชีย อเมริกา ออสเตรเลีย และเอเชียตะวันออกกลาง รวมทั้งมีสำนักงานที่ฮ่องกง สิงคโปร์ และปีนี้ LGT เปิดสำนักงานด้านธนบดีธนกิจในไทย นับเป็นเวลากว่า 80 ปี แล้วที่ราชวงศ์ลิกเตนสไตน์เป็นเจ้าของกิจการ LGT


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ