IRPC เซ็นสัญญาพันธมิตร ใช้น้ำมันจากขยะพลาสติกแปรรูป หวังช่วยลดปัญหาขยะล้นเมือง

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 8, 2019 11:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายนพดล ปิ่นสุภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) กล่าวว่า บริษัทได้ลงนามสัญญาซื้อขายน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้จากการแปรรูปขยะพลาสติก ร่วมกับบริษัท เทคซ่า เอนเนอร์ยี จำกัด และบริษัท วีเอ เอนเนอร์ยี จำกัด ปริมาณ 300,000 – 400,000 ลิตรต่อเดือน เป็นน้ำมันที่ได้จากกระบวนการไพโรไลซิส (Pyrolysis) ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำมันดิบ โดยผ่านการรับรองจากบริษัทตรวจสอบคุณภาพแล้ว จึงมั่นใจได้ว่าเป็นน้ำมันแปรรูปที่มีคุณภาพที่ดี ได้มาตรฐานสามารถใช้กับโรงกลั่นน้ำมันได้

สำหรับความร่วมมือครั้งนี้ นอกจากการได้ผลิตภัณฑ์เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่ช่วยเพิ่มทางเลือกของวัตถุดิบในการผลิต เป็นส่วนหนึ่งของการเพิ่มความมั่นคงในการจัดหาพลังงานให้ประเทศแล้ว ที่สำคัญยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จากการเปลี่ยนขยะพลาสติกให้เป็นทรัพยากร และนำกลับมาใช้ใหม่ แก้ไขปัญหาเรื่องการจัดการขยะพลาสติกได้อย่างยั่งยืน ซึ่งปริมาณน้ำมันดังกล่าวคิดเป็นการลดปริมาณขยะพลาสติกลงได้ราว 460-560 ตันต่อเดือน

"ในฐานะผู้ประกอบการอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและปิโตรเคมี ได้เล็งเห็นความสำคัญและตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากขยะพลาสติก เนื่องจากพลาสติกใช้ระยะเวลานานในการย่อยสลาย และปัจจุบันมีการคิดค้นการนำขยะพลาสติกกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด IRPC จึงได้สนับสนุนการใช้วัตถุดิบที่มาจากขยะพลาสติกเป็นการส่งเสริมการลดขยะพลาสติกอย่างยั่งยืน นับเป็นการดำเนินการที่สอดรับกับแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (CIRCULAR ECONOMY) และสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการทำโรดแมพ การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561 – 2573 ให้บรรลุสู่เป้าหมายการนำขยะพลาสติกกลับมาใช้ประโยชน์ 100% ภายในปี 2570"

บริษัท เทคซ่า เอนเนอร์ยี จำกัด และบริษัท วีเอ เอนเนอร์ยี จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันขยะพลาสติกแปรรูป เป็นบริษัทที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย "ไพโรไลซิส" (Pyrolysis) ผลิตน้ำมันขยะพลาสติกแปรรูป ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และไม่ก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากกระบวนการผลิตเป็นการเผาไหม้แบบ ไร้ออกซิเจน ที่อุณหภูมิระหว่าง 200-500 องศาเซลเซียส เพื่อเปลี่ยนวัตถุดิบจากสภาวะของแข็งให้ระเหิดเป็นไอน้ำมันและก๊าซสังเคราะห์ต่างๆ จากนั้นทำการควบแน่นสู่สถานะของเหลว ซึ่งผลผลิตที่ได้คือน้ำมันปิโตรเลียม (น้ำมันเตา ดีเซล และแนฟทา) ที่สามารถนำไปเป็นเชื้อเพลิงสำหรับภาคอุตสาหกรรม คมนาคม หรือผลิตไฟฟ้าได้

"ที่ผ่านมาการกำจัดขยะพลาสติกทำได้ด้วยวิธีเผาหรือฝังกลบ ซึ่งปริมาณขยะพลาสติกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ในขณะที่พื้นที่ฝังกลบขยะมีอยู่อย่างจำกัด อาจไม่เพียงพอกับปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้น สำหรับวิธีการเผาก็ต้องมีเทคโนโลยีนวัตกรรมการเผาที่ไม่ทำให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม แต่การลงทุนแปรรูปขยะพลาสติกด้วยเทคโนโลยีไพโรไลซิสจะทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่ากลับมาใช้ใหม่ อีกทั้งไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมดังนั้น ความร่วมมือในครั้งนี้ จึงถือเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยแก้ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม ตามนโยบายของ IRPC และสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล เรื่องการจัดการขยะพลาสติกอย่างยั่งยืน"นายนพดล กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ