บลจ.ทาลิส มั่นใจ AUM สิ้นปีทะลุ 1 หมื่นลบ.จากกว่า 6 พันลบ.เจรจาลูกค้ารายใหญ่หลายรายบริหารกองทุนส่วนบุคคล

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 8, 2019 12:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ทาลิส กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่ามูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ปีนี้จะทะลุ 10,000 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่กว่า 6,000 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่ากองทุนส่วนบุคคลจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้ารายใหญ่หลายราย และคาดว่าจะสรุปได้ในปีนี้

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งแรก บริษัทมี AUM เติบโตขึ้นประมาณ 1,050 ล้านบาท แบ่งเป็นกองทุนส่วนบุคคล 1,000 ล้านบาท และกองทุนรวม 50 ล้านบาท ส่วนผลการดำเนินงานของกองทุนภายใต้การบริหารจัดการจากต้นปีจนถึง เดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา สามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระดับที่น่าพอใจ และอยู่ในอันดับต้นๆ ของอุตสาหกรรม

"แม้จะบริษัทจะมีขนาดเล็ก แต่เราก็มีความชำนาญและมุ่งมั่นที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ลงทุน จากการคัดเลือกหุ้นและหาโอกาสในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายการลงทุนของลูกค้า ซึ่งเราก็หวังว่าผลตอบแทนที่ออกมาดีและสม่ำเสมอตลอดครึ่งปีแรกที่ผ่านมา จะทำให้ บลจ.ทาลิสเป็นที่รู้จักของผู้ลงทุนมากขึ้น และเชื่อมั่นว่าจะทำให้ AUM เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้สิ้นปีประมาณ 10,000 ล้านบาท" นายฉัตรพีกล่าว

ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งหลังบริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการให้ความรู้ด้านการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ผ่านการจัดสัมมนากลุ่มเล็กให้ผู้ที่สนใจการลงทุนเป็นประจำทุกเดือน เพื่อให้ทั้งลูกค้าและผู้ลงทุน เข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่จำเป็นต่อการลงทุนในกองทุนรวม เนื่องจากสถานการณ์การลงทุนในปัจจุบันมีความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดความผันผวนค่อนข้างมาก

โดยบริษัทยังมีความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการและปรับกลยุทธ์การลงทุน ให้สอดคล้องกับสภาวะในแต่ละช่วงอยู่เสมอ เพื่อรักษาอัตราผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ลงทุน เน้นการปฏิบัติตามขั้นตอนการวิเคราะห์การลงทุนของบริษัทฯ อย่างเคร่งครัด ควบคู่กับการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการลงทุน เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า

ด้านนายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.ทาลิส กล่าวต่อว่า สงครามทางการค้าระหว่างประเทศสหรัฐและประเทศจีนจะเห็นผลกระทบอย่างแท้จริงตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป ซึ่งจะกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงต่อเนื่องไปจนถึงปี 63 แต่อย่างไรก็ตามมองว่าตลาดหุ้นส่วนใหญ่รับรู้ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นไปทั้งหมดแล้วในระยะเวลาปีที่ผ่านมา

ขณะที่ธนาคารกลางของประเทศหลักทั่วโลกส่งสัญญาณที่จะใช้นโยบายทางการเงินที่ผ่านคลายมากขึ้น โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังได้สงสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และเชื่อว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงปลายปี 62 ถึงต้นปี 63 เพื่อช่วยลดภาระของผู้ประกอบการลง และกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมองว่ามีโอกาสที่ กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยราว 0.25-0.75%

สำหรับภาพรวมทิศทางการลงทุนตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะมีหลายปัจจัยบวกที่ต่างจากครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์การเมืองในประเทศ ที่กำลังจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารพร้อมดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มอ่อนตัวลง และการใช้นโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลายลงทั่วโลก รวมถึงความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศสหรัฐและประเทศจีนที่ผ่อนคลายลงซึ่งมองว่าจะไม่ทำให้มีผลกระทบไปมากกว่านี้

นอกจากนี้ทิศทางเงินทุนต่างชาติยังคงไหลเข้าอย่างต่อเนื่องมาแล้วราว 50,000 ล้านบาท โดยทั้งปีมองว่ามีโอกาสที่เงินทุนต่างชาติจะไหลเข้ามาสูงถึง 1 แสนล้านบาท หลังจากที่ผ่านมาเงินทุนต่างชาติไหลออกไปต่อเนื่อง 5 ปีกว่า 6 แสนล้านบาท โดยได้รับปัจจัยบวกจาก MSCI ปรับเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย และการจัดตั้งรัฐบาลจะแล้วเสร็จในไม่ช้า ส่งผลให้คาดว่าค่าเงินบาทจะแข็งคาขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี โดยในปีนี้มีโอกาสที่ค่าเงินบาทจะจะต่ำกว่า 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ต้องติดตามคือแนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียนไทย ว่าจะถูกทบทวนใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจหรือไม่ ซึ่งในมุมมองของ บลจ.ทาลิส เชื่อว่า กำไรบริษัทจดทะเบียนในปีนี้ จะเติบโตได้ 5-7%จากปีก่อนหน้า ในขณะที่ SET Index คาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,700-1,800 จุด

ส่วนกลยุทธ์การลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง บลจ.ทาลิส ยังให้น้ำหนักกับหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการบริโภคภายในประเทศและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและพัฒนาประเทศเป็นหลัก เช่นกลุ่มพาณิชย์ กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทให้เช่าและนิคมอุตสาหกรรม และกลุ่มขนส่งเป็นต้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ