PERM-W1 ปิดเทรดวันแรกที่ 0.41 บาท มูลค่าซื้อขาย 118.85 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 0.44 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 0.55 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 0.38 บาท
ขณะที่หุ้น PERM ปิดที่ 1.16 บาท ลดลง 0.04 บาท (-3.33%) มูลค่าซื้อขาย 22.70 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 1.22 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1.23 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 1.15 บาท
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบมจ.เพิ่มสินสตีลเวิคส์(PERM) ใช้ชื่อย่อว่า PERM-W1 ที่ 0.53 บาท (BSM) อิงราคาหุ้นแม่ที่ 1.20 บาท และความผันผวนของหุ้นที่ 65% ด้านผู้ได้รับ PERM-W1 มีต้นทุนจากการขึ้นเครื่องหมาย XW 0.57 บาท (หรือคิดเป็นต้นทุนหุ้นละ 0.19 บาท) และคิดเป็น All-in Premium 27.40% และมีสถานะของใบสำคัญสิทธิที่ ITM อยู่ราว 20%
ด้วยลักษณะของหุ้นแม่ที่มีความผันผวนค่อนข้างสูง, เงินปันผลที่มีแนวโน้มลดลง (ปีล่าสุดงดจ่ายเนื่องจากมีการเพิ่มทุน) และสถานะของใบสำคัญแสดงสิทธิที่ ITM ทำให้ PERM-W1 มีลักษณะข้างต้นสามารถใช้เก็งกำไรได้ แต่อย่างไรก็ตามด้วยหุ้นแม่ที่มีสภาพคล่องในการซื้อขายค่อนข้างต่ำ (มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 3.79 ล้านบาท) ทำให้เรามองว่าควรรอจังหวะที่ PERM ได้รับความสนใจจากตลาดก่อนการตัดสินใจเก็งกำไรใน PERM-W1
พร้อมให้กรอบมูลค่าของ PERM-W1 ไว้ที่ 0.49-0.56 บาท เมื่อราคาหุ้น PERM เคลื่อนไหวในกรอบ 1.15-1.25 บาท โดยมี Volatility 65% per year
อนึ่ง PERM ประกอบธุรกิจแปรรูปและจำหน่ายเหล็กรีดร้อนและรีดเย็น เหล็กกล้าแรงดึงสูงชุบสังกะสี เหล็กเคลือบเคมีด้วยไฟฟ้า เหล็กโครงคร่าวเพดานและผนัง แผ่นหลังคาและผนังเหล็กเคลือบสี
PERM-W1 จำนวนที่ออก 250 ล้านหน่วย จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมที่ซื้อหุ้นเพิ่มทุนในอัตราส่วน 2 หุ้นเดิม : 1 หุ้นใหม่ที่ราคา 1 บาท : 1 หลักทรัพย์แปลงสภาพ อัตราใช้สิทธิ 1 : 1 @ 1.00 บาท อายุ 3 ปี โดยสามารถใช้สิทธิได้ทุกวันทำการสุดท้ายของเดือน มี.ค., มิ.ย., ก.ย. และ ธ.ค. (ใช้สิทธิได้ครั้งแรกในวันที่ 30 ก.ย. 2562 และหมดอายุในวันที่ 17 มิ.ย. 2565)