ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,731.59 จุด ลดลง 8.86 จุด (-0.51%) มูลค่าการซื้อขาย 70,717.19 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,746.21 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,728.36 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 530 หลักทรัพย์ ลดลง 1,040 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 428 หลักทรัพย์
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลง หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาตรการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาท อีกทั้งหุ้นไทยก็ปรับตัวขึ้นมามากแล้ว ดังนั้น นักลงทุนจึงเลือกที่จะขายเพื่อลดความเสี่ยงและรอดูสถานการณ์ก่อน
อนึ่ง ธปท.ปรับเกณฑ์ยอดคงค้างบัญชีเงินฝากสกุลบาทของผู้มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศ (non-resident : NR) ทั้ง Non-resident Baht Account for Securities (NRBS) และบัญชี Non-resident Baht Account (NRBA) ให้เข้มขึ้น โดยปรับเกณฑ์ยอดคงค้าง ณ สิ้นวันของบัญชี NRBS และ NRBA ให้ลดลง จากเดิมกำหนดไว้ที่ 300 ล้านบาท เป็น 200 ล้านบาทต่อราย NR ต่อประเภทบัญชี โดยให้เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค.62 เป็นต้นไป
นายธนเดช กล่าวอีกว่า ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้แกว่งแคบ เนื่องจากเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมช่วงปลายเดือนก.ค.นี้ ซึ่งตลาดฯได้ตอบรับเรื่องนี้ไปแล้ว จากนี้ไปก็ขึ้นอยู่ปัจจัยพื้นฐานของแต่ละตลาดฯจะเป็นอย่างไร โดยสัปดาห์หน้าให้ติดตามตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) งวดไตรมาส 2/62 ของจีน ส่วนวันนี้ก็ให้ติดตามดูการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติจะเป็นอย่างไรบ้าง
แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า นายธนเดช กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งแคบ พร้อมให้แนวรับ 1,700 จุด ส่วนแนวต้าน 1,750 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
BEM มูลค่าการซื้อขาย 4,231.27 ล้านบาท ปิดที่ 10.60 บาท ลดลง 0.40 บาท
TOP มูลค่าการซื้อขาย 2,742.12 ล้านบาท ปิดที่ 72.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 2,548.16 ล้านบาท ปิดที่ 6.15 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,501.55 ล้านบาท ปิดที่ 47.75 บาท ลดลง 0.50 บาท
PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,618.46 ล้านบาท ปิดที่ 62.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท