(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งซึมลง ตามตลาดภูมิภาค เหตุเจรจาการค้าไม่คืบหน้า-ราคาน้ำมันร่วง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 17, 2019 09:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งซึมลง ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่ติดลบ หลังประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่า สหรัฐฯและจีนยังคงไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาการค้า พร้อมกับขู่ว่า สหรัฐฯจะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้านำเข้าจากจีน หากจีนซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯน้อยกว่าที่สหรัฐฯต้องการมาก

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิ่งลงกว่า 3% หลังจากที่สหรัฐฯจะเจรจาเกี่ยวกับโครงการอาวุธนิวเคลียร์กับอิหร่านเพื่อหาทางออก อย่างไรก็ดี ให้ติดตามสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ซึ่งตลาดคาดจะปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 5 และจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน จะมีความคืบหน้าหรือไม่ เนื่องจากจะมีผลต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ส่วนบ้านเราให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์

พร้อมให้แนวรับ 1,720-1,715 จุด ส่วนแนวต้าน 1,738 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (16 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,335.63 จุด ลดลง 23.53 จุด (-0.09%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,004.04 จุด ลดลง 10.26 จุด (-0.34%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,222.80 จุด ลดลง 35.39 จุด (-0.43%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 4.60 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 60.62 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 11.96 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 155.85 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 23.29 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 5.20 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 24.94 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.44 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (15 ก.ค.62) 1,727.98 จุด ลดลง 3.61 จุด (-0.21%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,286.07 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 ก.ค.2562
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (16 ก.ค.62) ปิดที่ 57.62 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.96 ดอลลาร์ หรือ 3.3%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 ก.ค.62) ที่ 6.50 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 30.94 อ่อนค่าตามภูมิภาคตามแรงซื้อดอลล์ มองกรอบวันนี้ 30.85-31.00
  • 3 หน่วยงาน "ก.ล.ต. ปปง.-ดีเอสไอ เข้มการบังคับใช้กฎหมายตลาดทุน จ่อเพิ่มโทษอาญากรณี "ปั่นหุ้น" เหตุเข้าข่ายฐานความผิดตามกฎหมาย ฟอกเงิน ด้าน เลขาก.ล.ต. เตรียมนำ "เอไอ" ช่วยตรวจจับการซื้อขายหุ้นที่ผิดปกติภายในปีนี้
  • กระทรวงพลังงาน รอลุ้นนโยบายบริหารราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนของ "สนธิรัตน์" หลังราคาตลาดโลกลดลง แต่บัญชีแอลพีจียังติดลบ 6,397 ล้านบาท แต่ยังไม่เกินกรอบวงเงินที่วางไว้ นักวิชาการแนะไม่ควรลดราคา ด้านผู้ค้าวอนทบทวนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐซื้อแอลพีจี
  • กพท.จัดงานรวมสมาชิก ICAO ครั้งแรก แลกเปลี่ยนแนวทางแก้ไขปัญหาพร้อมพัฒนาการบิน ลั่นไม่ชะล่าใจหลังไทยปลดธงแดง เดินหน้าผลักดันสนามบินภูมิภาค 5 แห่งผ่านมาตรฐาน ICAO
  • ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ จับตารัฐบาลแถลงนโยบาย 25 ก.ค.นี้ เพื่อสร้างความชัดเจนต่อนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งจะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของผู้บริโภค นักลงทุนมองนโยบายระยะสั้นทั้งบัตรสวัสดิการรัฐ พักหนี้เกษตรกร และมารดาประชารัฐ ส่งผลดีต่อเนื่อง ส่วนแผนระยะยาวยังไม่มั่นใจ เพราะต้องดูเสถียรภาพของรัฐบาลด้วย เผยเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.ทรุดหนัก ต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี

*หุ้นเด่นวันนี้

  • DOD-W1 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.ดีโอดี ไบโอเทค (DOD)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 182,219,263 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 15.75 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 2 ปี นับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (8 กรกฎาคม 2562) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.10 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 29 พ.ย. 2562 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 7 ก.ค. 2564
  • THANI (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า IAA Consensus 7.7 บาท คาดกำไรสุทธิ Q2/62 ยังโตต่อเนื่องจากยอดสินเชื่อที่ยังขยายตัว อีกทั้งยังมีโอกาสกลับรายการสำรองเข้ามาเป็นกำไรเพิ่มเติมเนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทตั้งสำรองไว้เกินกว่าที่เกณฑ์ของแบงก์ชาติกำหนดไว้ ขณะที่ปีหน้าคาดต้นทุนดอกเบี้ยลดลง เพราะมีหุ้นกู้ครบกำหนดรวมกว่า 14,000 ล้านบาท จึงได้ประโยชน์โดยตรงจากทิศทางดอกเบี้ยขาลง
  • GUNKUL (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 3.50 บาท คาดกำไรปกติ Q2/62 +23% Q-Q, +24% Y-Y เป็น 280 ล้านบาท จากโรงไฟฟ้าโซลาร์ GK Kimitsu (34 MW) ที่ COD ต้นไตรมาส และ GK Sendai (32 MW) ที่ COD กลาง Q4/61 แนวโน้ม H2/62 จะเร่งตัวขึ้นเพราะมีรายได้ก่อสร้าง (EPC) มากขึ้นจาก Backlog ที่สูงถึง 6-7 พันล้านบาท แต่ปรับกำไรปีนี้ลง 8% เป็น 1.76 พันล้านบาท (ลด Gross margin ของ EPC ลง) เป็นกำไรปกติ -4% Y-Y กำไรสุทธิ +62% Y-Y

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ