UECเล็งตั้งโรงประกอบถังฯในมาบตาพุด/ลุ้นงานใหม่ 2พันลบ.ดันรายได้พุ่ง30%

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 13, 2008 13:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บมจ.ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง(UEC) เตรียมเงิน 100 ล้านบาทมองหาที่ดินผืนใหม่แถวมาบตาพุด จ.ระยอง ใช้เป็นพื้นที่ประกอบถังความดันในปีนี้ ขยับเข้าใกล้ท่าเรือขนส่งเพิ่มความสะดวก พร้อมเดินหน้าลงทุนเพิ่มโรงงานใหม่ที่แล้วเสร็จเฟสแรกไปแล้ว หลังงานใหม่ยังทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่องปีนี้ไม่น่าต่ำกว่า 2 พันล้านบาท จากที่มีตุนไว้แล้ว 1.7 นล้านบาท
ปี 51 ตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ 25-30% เพื่อให้กำไรเป็นไปในทิศทางเดียวกับรายได้ที่น่าจะเติบโตราว 30% และปี 52 ก็ยังน่าจะเติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 30% ส่วนผลประกอบการปี 50 ลุ้นบอร์ด 22 ก.พ.พิจารณาการจ่ายเงินปันผล มั่นใจอัตราปันผลทั้งปีจ่ายได้สูงกว่าปี 49 ที่จ่ายไป 1.20 บาท/หุ้น(คิดบนพื้นฐานพาร์ 1 บาท)หลังจากรายได้โตถึง 40% สูงกว่าเป้าหมาย
*เล็งตั้งโรงประกอบถังความดันใกล้ลูกค้า-ท่าเรือ,ขยายโรงงานใหม่ต่อเนื่อง
นายไทยลักษณ์ ลี้ถาวร ประธานกรรมการบริหาร UEC เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทอยู่ระหว่างมองหาที่ดินผืนใหม่ใน อ.มาบตาพุด ขนาดราว 10-20 ไร่ เพื่อใช้เป็นพื้นที่ประกอบถังความดัน เนื่องจากเป็นจุดที่ใกล้กลุ่มลูกค้าที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว และสะดวกต่อการขนส่งทางเรือไปส่งให้กับลูกค้าต่างประเทศที่ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนงานต่างประเทศประมาณ 25-30% คาดว่าจะจัดหาได้ในปีนี้
นอกจากนั้น ในปีนี้บริษัทก็ยังคงจะลงทุนต่อเนื่องในโรงงานใหม่ที่ใช้ผลิตถังความดัน(Pressure Vassel)ตั้งอยู่บนพื้นที่ 100 ไร่ ใกล้กับโรงงานเดิมที่มีพื้นที่ 40 ไร่ ที่บ้านบึง จ.ชลบุรี โดยเบื้องต้นใช้พื้นที่ 30 ไร่ และคาดว่าพื้นที่ที่เหลืออีก 60 ไร่จะสามารถรองรับการขยายงานใหม่ได้อีก 3 ปี ทั้งนี้ เงินลงทุนโรงงานใหม่ รวมเครื่องจักรใหม่ จำนวน 450 ล้านบาท บริษัทได้ทยอยลงทุนตั้งแต่ปีก่อน และจะลงทุนต่อเนื่องในปีนี้
"โรงงานใหม่เราเรียบร้อยแล้ว เราใช้ผลิตถังความดัน ซึ่งเป็นสินค้าหลักของเรา...คิดว่าการขยายพื้นที่โรงงานใหม่จะรองรับงานได้อีก 3 ปีตามการเติบโตของธุรกิจปิโตรเคมี และธุรกิจพลังงานที่คาดว่าจะยังเติบโตได้อีก 3-5 ปีข้างหน้า"นายไทยลักษณ์ กล่าว
*ลุ้นงานใหม่อีก 2 พันลบ.ดันรายได้ปี 51-52 โตต่อเนื่องปีละกว่า 30%
นายไทยลักษณ์ ตั้งเป้า รายได้ในปี 51 เติบโต 30% เป็นไม่ต่ำกว่า 2.3 พันล้านบาท จากปี 50 ที่มีรายได้ราว 1.8 พันล้านบาท และในปี 52 รายได้น่าจะเติบโตต่อเนื่องอีกกว่า 30% เนื่องจากงานใหม่ยังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้บริษัทรอผลเจรจางานใหม่ราว 2 พันล้านบาทที่จะเพิ่มเข้ามา
ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ(Backlog)อยู่แล้ว 1.7 พันล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้ราย 1.3 พันล้านบาทภายในปีนี้
บริษัทคาดว่าในด้านกำไรจะเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อนเช่นเดียวกับรายได้ แม้อัตราเติบโตอาจจะสูงขึ้นไม่เท่ากับรายได้ แต่บริษัทก็พยายามรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้ใกล้เคียงกับปี 50 ที่เฉลี่ยอยู่ที่ 25-30% ด้วยการเพิ่มปริมาณงานในส่วนคอนสตรัคชั่น และงานรับจ้างนอกสถานที่ ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่างานผลิตถังความดันที่เป็นงานหลัก
"กำไรสุทธิในปีนี้จะต้องมากกว่าปีก่อนอยู่แล้ว แต่จะ percentage จะเป็นเท่าไร คงไม่สูงตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น งานมากขึ้น มาร์จิ้นอาจจะต่ำลง บางงานลูกค้าก็มีงบจำกัด" นายไทยลักษณ์ กล่าว
สำหรับการปรับขึ้นของราคาเหล็กมีส่วนกดดันกำไรของบริษัทเช่นกัน โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาปรับขึ้นไปแล้ว 20-25% จากปีก่อน และมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอีกแต่คาดว่าจะปรับอีกไม่มาก ทั้งนี้ เหล็กคิดเป็นต้นทุนราว 40% ของต้นทุนทั้งหมด
นายไทยลักษณ์ กล่าวถึงผลประกอบการในปี 50 ว่า รายได้เติบโตถึง 40% สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ในระดับ 30% ทำให้บริษัทมีโอกาสจ่ายเงินปันผลในงวดปี 50 มากกว่างวดปี 49 ที่จ่ายไป 1.20 บาท/หุ้น (คำนวณบนพื้นฐานที่ราคาพาร์อยู่ที่ 1 บาท) โดยในวันที่ 22 ก.พ.นี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทจะพิจารณาอัตราเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีหลัง จากในงวดครึ่งปีแรกจ่ายไปแล้ว 0.70 บาท/หุ้น
อนึ่ง เมื่อ พ.ย.50 UEC เปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้(พาร์)เป็นหุ้นละ 0.25 บาท จากเดิมหุ้นละ 1 บาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ