ALL มั่นใจยอดขายปีนี้ตามเป้า 7 พันลบ. หลัง H1/62 ทำได้แล้ว 4 พันลบ. ,โอนโครงการต่อเนื่องหนุนยอดทั้งปีแตะ 4.5 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 25, 2019 17:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ (ALL) เปิดเผยว่า ยอดขายทั้งปี 62 จะทำได้ตามเป้าหมายที่ 7 พันล้านบาท หลังในช่วงครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 4 พันล้านบาท ขณะที่ช่วงครึ่งปีหลังจะเปิดโครงการใหม่อีก 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1.5 หมื่นล้านบาท หลังจากที่ครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว 2 โครงการ มูลค่ารวม 5.75 พันล้านบาท

ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวโครงการที่ 3 ของปีนี้ คือ โครงการ ดิ เอ็กเซล ลาดพร้าว-สุทธิสาร มูลค่า 1.2 พันล้านบาท บนทำเลศักยภาพในซอยลาดพร้าว 62 ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีโชคชัย 4 เพียง 550 เมตร ซึ่งในอนาคตอันใกล้ ที่ดินและที่อยู่อาศัยย่านลาดพร้าวจะยิ่งเพิ่มมูลค่าจากเส้นทางการเดินรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่รายล้อมโครงการ พร้อมเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็นคนที่มีบ้านหลังแรก และมีรายได้ 25,000-40,000 บาท/เดือน

โครงการ ดิ เอ็กเซล ลาดพร้าว-สุทธิสาร มีห้องชุด จำนวน 420 ยูนิต โดยมีขนาดห้องชุดเริ่มตั้งแต่ 1 ห้องนอน 24.50-30.10 ตารางเมตร ไปจนถึง 1 ห้องนอน พลัส ขนาด 34.70 ตารางเมตร Fully Furnished ราคาขายเริ่มต้น 1.39 ล้านบาท ผ่อนเริ่มต้น 3,900 บาท/เดือน โดยจะเปิดพรีเซลในวันที่ 3-4 ส.ค.นี้ ตั้งเป้ายอดขายภายใน 3 เดือน กว่า 70% โดยแบ่งสัดส่วนการขายโครงการดังกล่าวให้กับลูกค้าชาวไทย 65% และต่างชาติ 35%

นายธนากร กล่าวอีกว่า สำหรับยอดโอนในปีนี้ที่บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 4.5 พันล้านบาท ยังมั่นใจว่าทำได้ตามเป้าหมาย เพราะช่วงครึ่งปีหลังจะโอนโครงการที่สร้างเสร็จใหม่ทั้งหมด 3 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 5 พันล้านบาท ได้แก่ โครงการ ดิ เอ็กเซล ไฮด์เวย์ สุขุมวิท 71 มูลค่า 1.6 พันล้านบาท จะเริ่มโอนในช่วงไตรมาส 4/62 โครงการ IMPRESSION ภูเก็ต มูลค่า 2.1 พันล้านบาท จะเริ่มโอนในไตรมาส 3/62 และโครงการ เดอะวิชั่น ลาดพร้าว-นวมินทร์ มูลค่า 1.3 พันล้านบาท ขายพรีเซลไปได้แล้ว 440 ล้านบาท จะเริ่มโอนในช่วงไตรมาส 3/62 พร้อมเตรียมเปิดขายเฟส 2

ปัจจุบัน บริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 7.3 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีนี้

สำหรับภาพรวมของอสังหาริมทรัพย์นับว่าชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ และการบังคับใช้ของมาตรการ LTV ซึ่งบริษัทได้รับผลกระทบบ้างเช่นกัน แต่ก็ได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินงานให้เหมาะสมและสอดคล้องกับภาวะตลาด ซึ่งจะเน้นการพัฒนาโครงการที่ตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพใกล้สถานีรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการแล้ว หรือสายที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และทำราคาที่สามารถดึงดูดความสนใจของลูกค้าในการซื้อ พร้อมกับแบ่งยูนิตของโครงการไปเสนอขายให้กับลูกค้าต่างชาติ เช่น กลุ่มลูกค้าฮ่องกง สิงคโปร์ และไต้หวัน ทำให้ยอดขายของบริษัทในครึ่งปีแรกสามารถทำได้เกิน 50% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ