GBS มองหุ้นไทยช่วงนี้ปรับลงแกว่งในกรอบ 1,640-1,670 จุด เกาะติดสงครามการค้า-เหตุระเบิดป่วนกรุงกดดันความเชื่อมั่น

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 6, 2019 10:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ฝ่ายวิจัยบล.โกลเบล็ก (GBS) มองทิศทางตลาดหุ้นไทยช่วงนี้มีโอกาสปรับตัวลง จากแรงกดดันความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน หลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ขู่รีดภาษีเพิ่มอีก 10% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ มีผล 1 ก.ย.นี้ โดยทางการจีนก็ได้ยืนยันดำเนินมาตรการตอบโต้มาตรการดังกล่าว ซึ่งอาจส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังคงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน หลังเกิดเหตุวางระเบิดกลางกรุงหลายจุด คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,640-1,670 จุด

นอกจากนี้ FedWatch ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ภาวการณ์ซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์สอัตราดอกเบี้ยสหรัฐของ CME Group บ่งชี้ว่านักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสถึง 95.8% ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินวันที่ 17-18 ก.ย.นี้ จากระดับไม่ถึง 50% ในสัปดาห์ก่อน

ส่วนปัจจัยในประเทศนั้น ทางรัฐบาลใหม่ยังคงเดินหน้านโยบายหลักในการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ต่อเนื่อง และขณะเดียวกันรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง เตรียมเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแพคเกจใหญ่เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือนส.ค.นี้ หลังตัวเลขชี้วัดเศรษฐกิจครึ่งปีแรกมีแนวโน้มชะลอตัว

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ในช่วงสั้นนักลงทุนยังคงวิตกกับเหตุการณ์ระเบิดหลายจุดในกรุงเทพฯ เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่มีแนวโน้มยืดเยื้อหลังจีนยืนยันดำเนินมาตรการตอบโต้สหรัฐที่เตรียมปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีก 10% วงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งจะมีต้นเดือนก.ย.นี้ ประกอบกับสัปดาห์ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติขายสุทธิอีกครั้ง

สำหรับปัจจัยที่ยังคงต้องจับต่อในสัปดาห์นี้ อาทิ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สภาผู้ส่งออก) แถลงสถานการณ์การส่งออกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนมิ.ย.ในวันนี้ (6 ส.ค.) และในวันที่ 7 ส.ค.คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประชุมครั้งที่ 5/2562 ซึ่งเป็นการประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.) นอกจากนี้ จีนจะมีการเปิดเผยทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของเดือนก.ค.

ส่วนในวันที่ 8 ส.ค. ทางสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จะมีการเข้าหารือร่วมกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เกี่ยวกับสถานการณ์ค่าเงินบาทในปัจจุบัน และจีน จะมีการเปิดเผยยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าของเดือนก.ค. รวมทั้งสหรัฐ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมิ.ย. และในวันที่ 9 ส.ค. ญี่ปุ่น เปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2562 จีน เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค. สหรัฐ เปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค.

พร้อมทั้งแนะนำกลยุทธ์ การลงทุนในหุ้น ที่น่าลงทุน ดังนี้ 1 .หุ้น Defensive Stock เช่น EASTW, TTW, BCH, CPALL และ BJC 2. หุ้น High Dividend เช่น SIRI, QH, TISCO, KKP และ ANAN 3. หุ้น Theme EEC play เช่น AMATA, WHA, ROJNA, EASTW และ ATP30

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ทองคำยังคงได้รับแรงหนุนจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน อีกทั้งค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง และกองทุน SPDR ที่ยังซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องทำให้ทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อมองกรอบราคาทองคำสัปดาห์นี้ที่ 1,435-1,470 ดอลลาร์ หรือคิดเป็นราคาทองคำไทยที่ 21,040-21,600 บาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ