บลจ.ไทยพาณิชย์เปิดขายกองทุน "คอมเพล็กซ์รีเทิร์น 3YA" ชูจุดเด่นเงินต้นไม่หายพร้อมโอกาสรับผลตอบแทนหุ้นยุโรป

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 6, 2019 14:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า บริษัทฯประสบความสำเร็จในการเสนอขายกองทุนที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการขาดทุนเงินต้นในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมาก โดยกองทุนประเภทนี้จะนำเงินส่วนใหญ่ของกองทุนมาลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพและเงินฝากทั้งในและต่างประเทศเพื่อลดความเสี่ยงจากการขาดทุนของเงินต้น และส่วนที่เหลือจะลงทุนในสัญญาวอร์แรนต์ที่อ้างอิงกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนมากขึ้น

ดังนั้น บลจ.ไทยพาณิชย์ จึงได้เสนอขายกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ คอมเพล็กซ์รีเทิร์น 3YA (SCB Complex Return 3YA: SCBCR3YA) ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย อายุ 3 ปี มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท เปิดขายหน่วยลงทุนครั้งเดียวระหว่างวันที่ 6-13 สิงหาคม 2562 ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท ซึ่งกองทุนนี้เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนในตลาดหุ้นยุโรปจากการลงทุนในสัญญาวอร์แรนต์ที่อ้างอิงกับดัชนี EuroStoxx 50

สำหรับกองทุน SCBCR3YA จะมีกลยุทธ์การลงทุนแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 นำเงินต้นประมาณ 92% ของทรัพย์สินกองทุนไปลงทุนในตราสารหนี้และเงินฝากทั้งในและต่างประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับลงทุนได้ขึ้นไป ซึ่งเมื่อครบกำหนดอายุกองทุนจะได้รับเงินลงทุนคืนพร้อมผลตอบแทนซึ่งมีมูลค่าเทียบเท่ากับเงินต้น การลงทุนส่วนนี้มีความผันผวนต่ำช่วยลดความเสี่ยงการขาดทุนเงินได้

โดยเบื้องต้นพอร์ตการลงทุนคาดว่าประกอบด้วย ตราสารหนี้บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE)-ไทย, บมจ. แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (GOLD)-ไทย, ตราสารหนี้บมจ. พลังงานบริสุทธิ์ (EA)-ไทย, ตราสารหนี้ ธนาคาร Agricultural Bank of China (ABC) –จีน, ตราสารหนี้ธนาคาร Bank of China (BOC) –จีน, ตราสารหนี้ธนาคาร Abu Dhabi Commercial Bank (ADCB) –สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, ตราสารหนี้ธนาคาร Emirate NBD Bank (ENBD) –สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์,ตราสารหนี้ธนาคาร Mashreq Bank (MASQ) –สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์,ตราสารหนี้ธนาคาร Qatar National Bank (QNB) –กาตาร์, ตราสารหนี้ธนาคาร China Development Bank (CDB) – จีน ซึ่งกองทุนจะเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน

ส่วนที่ 2 ประมาณ 8% ของทรัพย์สินกองทุน จะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าประเภทสัญญาวอร์แรนต์ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับดัชนี EuroStoxx 50 ซึ่งเป็นส่วนสร้างผลตอบแทนให้กับกองทุน โดยสัญญาวอร์แรนต์มีลักษณะการจ่ายผลตอบแทนแบบดิจิทัลได้ 2 กรณี คือ กรณีที่ 1 หากค่าการเปลี่ยนแปลงของดัชนี ณ วันพิจารณาดัชนีอ้างอิงมากกว่า 0% จะจ่ายผลตอบแทน 15% และกรณีที่ 2 หากค่าการเปลี่ยนแปลงของดัชนี ณ วันพิจารณาดัชนีกองทุนเมื่อครบกำหนดอายุ 3 ปี น้อยกว่าหรือเท่ากับ 0% จะไม่จ่ายผลตอบแทน ผู้ลงทุนจะได้รับเงินคืนในส่วนของเงินต้น โดยช่วงที่ผ่านมาดัชนี EuroStoxx 50 มีผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี อยู่ที่เฉลี่ย 9.6% ต่อปี โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ดัชนีมีผลตอบแทน rolling return ย้อนหลัง 3 ปี เป็นบวกอยู่ที่ 68% (ที่มา: Bloomberg ข้อมูล ณ 30 มิ.ย. 2562)

ทั้งนี้ ปัจจุบันถือเป็นโอกาสดีสำหรับการลงทุนในดัชนีหุ้น EuroStoxx 50 เนื่องจาก Valuation ของหุ้นต่ำเมื่อเทียบกับดัชนีหุ้นในตลาดอื่นๆ ทั่วโลก เศรษฐกิจยุโรปได้เติบโตและฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาถึงแม้ว่าจะยังอยู่ในอัตราการเติบโตที่ต่ำเมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตในอดีต ซึ่งเป็นเหตุทำให้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้คงมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing) และอัตราดอกเบี้ยที่ 0% อย่างไรก็ตาม การอัดฉีดเม็ดเงินอย่างต่อเนื่องก็ได้ช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาดทุนและช่วยให้ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลดีต่อบริษัทผู้ส่งออกหลายคนที่จดทะเบียนอยู่ในตลาด EuroStoxx 50 และทำให้ผลประกอบการของกลุ่มบริษัทดังกล่าวยังคงอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพและยังคงเติบโตได้

"ในระยะยาวการเพิ่มสภาพคล่องอย่างต่อเนื่องจะส่งผลต่ออัตราการกู้ยืมที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยให้การลงทุนของภาคเอกชนและตัวเลขการเติบโตของกิจกรรมทางธุรกิจในยุโรปเพิ่มขึ้น นอกจากนี้อัตราการว่างงานที่ลดต่ำลงอย่างต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ยังช่วยให้ภาคผู้บริโภคกลับมาช่วยประคองเศรษฐกิจได้ในระยะยาว"นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ