(เพิ่มเติม) "สิริ เวนเจอร์ส" ตั้งงบ 600 ลบ.ลงทุนสตาร์ทอัพ 4 ด้านในช่วง H2/62 พร้อมมุ่งงานวิจัยหวังเปลี่ยนแปลงอสังหาฯไทยดีขึ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 6, 2019 16:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี บริษัท สิริ เวนเจอร์ส จำกัด (SIRI VENTURES) บริษัทในเครือของบมจ.แสนสิริ (SIRI) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 62 บริษัทยังมีแผนจะลงทุนในสตาร์ทอัพ 4 ด้าน ภายใต้งบลงทุน 600 ล้านบาท ได้แก่ 1.เทคโนโลยีด้านการก่อสร้าง (ConsTech) ในสัดส่วน 20% ของงบลงทุน มุ่งเน้นเทคโนโลยีที่ช่วยควบคุมคุณภาพการก่อสร้าง (QC) 2.เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน (Sustainablity) ในสัดส่วน 30% มุ่งเน้นด้านการใช้ทรัพยากรอย่างฉลาดและการกำจัดของเสียที่มีประสิทธิภาพ 3.เทคโนโลยีด้านอสังหาริมทรัพย์ (PropTech) ในสัดส่วน 20% มุ่งเน้นด้านรูปแบบการใช้ชีวิตแบบใหม่และ Tokenization และ 4.เทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยและสุขภาพ (LivingTech & HealthTech) ในสัดส่วน 30% มุ่งเน้นด้านความปลอดภัย ความสะดวกสบาย โดยเฉพาะเรื่องการใช้เสียง ซึ่งปัจจุบันมีสตาร์ทอัพหลายรายที่ผ่านการพิจารณามาถึงขั้นทดสอบความเป็นไปได้ (Proof of Concept)

ด้านการดำเนินงานของบริษัทในครึ่งปีแรกถือว่าประสบความสำเร็จและมีความคืบหน้าอย่างมากในหลายด้าน สำหรับในด้านการลงทุน (Investment) สตาร์ทอัพหลายรายที่บริษัทเข้าไปลงทุนในช่วงก่อนหน้านี้ มีผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพึงพอใจ อาทิ Semtive สตาร์ทอัพผู้พัฒนากังหันลมพลังงานไฟฟ้าสำหรับที่อยู่อาศัย ได้เริ่มทยอยส่งมอบกังหันลมสำหรับใช้ในครัวเรือนมาให้กับบริษัทแล้ว Neuron สตาร์ทอัพ e-Scooter สัญชาติสิงคโปร์ เริ่มมีให้บริการแล้วในโครงการดีคอนโด พิงค์ และขยายการให้บริการไปในพื้นที่พร้อมพงษ์-อ่อนนุช ตลอดจนในพื้นที่รอบตัวเมืองเชียงใหม่ OnionShack ได้พัฒนา "น้องแสนรู้" หุ่นยนต์พนักงานคนใหม่ของแสนสิริที่จะช่วยเข้ามาตอบเรื่องนวัตกรรมที่ The Cloud ชั้น 3 สยามพารากอน

สำหรับด้านระบบนิเวศสตาร์ทอัพและพันธมิตร (Ecosystem & Partners) บริษัทได้สร้างความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (NUS) มหาวิทยาลัยชั้นนำซึ่งถือเป็นแหล่งกำเนิดของสตาร์ทอัพสิงคโปร์ ด้วยการพาสตาร์ทอัพที่โดดเด่นของไทยไปร่วมโชว์เคสและขึ้นพูดบนเวทีระดับภูมิภาค ช่วยส่งเสริมระบบนิเวศสตาร์ทอัพของไทยด้าน PropTech และ LivingTech ให้เข้าถึงโอกาสในระดับภูมิภาค พร้อมกันนี้ สิริ เวนเจอร์ส ยังเปิดโอกาสให้พนักงานแสนสิริก้าวสู่การเป็นสตาร์ทอัพและเจ้าของธุรกิจด้วยเงินทุนเริ่มต้นทำธุรกิจโดยให้การสนับสนุนทั้งด้านเวลา ทรัพยากร การให้คำปรึกษาและเงินทุนเบื้องต้นกว่าหลายล้านบาทต่อทีม กับโครงการ THE FOUNDER

ขณะที่ด้านการวิจัยและพัฒนา (Lab & Development) บริษัทยังคงตอกย้ำความมุ่งมั่นของแสนสิริในการมอบบริการภายใต้แนวคิด "บ้านที่ได้มากกว่าบ้าน" และการเติมเต็มไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่ครอบคลุมทุกมิติเพื่อตอบโจทย์ลูกบ้าน ผ่านฟังก์ชั่นใน Sansiri Home Service Application (HSA) เช่น Homestore แพลตฟอร์มออนไลน์แมกกาซีนที่ผู้อ่านสามารถซื้อสินค้าที่ชอบได้ การจับมือกับเครือสมิติเวช ขยายขอบเขตการให้บริการให้ครอบคลุมด้านสุขภาพแก่ลูกบ้านผ่าน HSA การเปิดให้บริการด้าน Payment เพื่อให้ลูกบ้านสามารถผ่อนดาวน์ตรงกับธนาคาร รวมไปถึงค่าส่วนกลาง โดยเชื่อมต่อตรงกับแอพธนาคารดังไม่วาจะป็น KPlus และ SCB Easy การติดตั้งเซนเซอร์คุณภาพอากาศกว่า 60 พื้นที่ในโครงการทั่วประเทศ เพื่อบอกสภาพค่าฝุ่น ค่าความชื้นและข้อมูลเชิงลึก พร้อมให้คำแนะนำด้านสุขภาพตามสภาพอากาศแก่ลูกบ้าน ขณะเดียวกัน กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา Smart Meter เพื่อให้ลูกบ้านสามารถตรวจสอบสถานะการใช้น้ำประปาและไฟฟ้าของตัวเองได้ตลอดเวลา

"เราเชื่อมั่นว่าพันธกิจหลักทั้ง 3 ด้านที่ สิริ เวนเจอร์ส ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง จะเป็นตัวแปรสำคัญในการสร้างความเปลี่ยนแปลงแก่วงการอสังหาริมทรัพย์ไทยให้ก้าวล้ำไปในทางที่ดี โดยเราจะยังคงทำงานร่วมกับแสนสิริอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาและผลักดันสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ในที่อยู่อาศัยจนสำเร็จใช้งานได้จริง ตลอดจนตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยยุคใหม่และสังคมที่เปลี่ยนไป เติมเต็มประสบการณ์การอยู่อาศัยแห่งอนาคตให้แก่ลูกบ้านแสนสิริอย่างรอบด้าน"นายจิรพัฒน์ กล่าว

นายจิรพัฒน์ กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุนในสตาร์ทอัพไปแล้วจำนวน 9 สตาร์ทอัพ โดยได้ใช้เงินลงทุนไปแล้ว 300 ล้านบาท แบ่งการลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพ 7 ราย เช่น Farmshelf สตาร์ทอัพด้านการให้บริการปลูกผักในชั้นโรงเรือนภายในห้อง, Techmetic สตาร์ทอัพผู้ผลิตหุ่นยนต์แสนดี, Neuron สตาร์ทอัพผู้ให้บริการเช่าสกูตเตอร์ ซึ่งปัจจุบันมีให้บริการแล้วในสิงคโปร์ เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ, Onion Shack สตาร์ทอัพผู้พัฒนาระบบอัจฉริยะด้วยเสียงที่นำไปให้บริการในร้าน The Cloud ที่สยามพารากอน, APPYSPHERE สตาร์ทอัพผู้ร่วมพัฒนาแอพพลิเคชั่น Home Automation ของแสนสิริ และ SENTIVE ผู้พัฒนากังหันพลังงานลมที่บริษัทจะเริ่มนำมาติดตั้งใน T77 และบริษัทยังมีการลงทุนผ่านกองทุน Venture Capital (VC) ในต่างประเทศอีก 2 กอง ได้แก่ China Renaissance และ FIFTH WALL ซึ่งมีสตาร์ทอัพในกองทุนกว่า 80 ราย ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพที่เป็นยูนิคอร์นแล้ว 20 ราย

โดยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้บริษัทยังเจรจากับสตาร์ทอัพไทยและต่างประเทศอยู่หลายราย ซึ่งมีสตาร์ทอัพที่บริษัทเจรจาชัดเจนแล้ว 2 ราย ซึ่งจะเปิดตัวเพื่อนำระบบของสตาร์ทอัพทั้งสองมาทดสอบใน Sandbox ใน T77 ในระยะต่อไป โดยที่สตาร์ทอัพที่บริษัทจะมุ่งเน้นในการลงทุนมากขึ้นจะเป็นสตาร์ทัอัพของไทย เพราะบริษัทมีความต้องการที่จะช่วยพัฒนาสตาร์ทอัพไทยให้เติบโตเพิ่มมากขึ้น และจะนำระบบต่าง ๆ ของสตาร์ทอัพไทยเข้ามาใช้ในโครงการของแสนสิริมากขึ้น หลังจากในปีที่ผ่านมาบริษัทเน้นไปที่การลงทุนและนำระบบต่าง ๆ ของสตาร์ทอัพต่างประเทศเข้ามาใช้เป็นจำนวนมากแล้ว

ส่วนเงินลงทุนของ SIRI VENTURES ยังคงมาจากบมจ.แสนสิริ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วนกว่า 90% ที่ทางแสนสิริจะต้องมีการเพิ่มทุนเมื่อบริษัทมีความจำเป็นในการใช้เงินเพื่อลงทุนในสตาร์ทอัพที่บริษัทสนใจและมองเห็นโอกาสในการลงทุน ขณะที่ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ปัจจุบันสัดส่วนการถือหุ้นลดลงน้อยกว่า 10% เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาธนาคารไทยพาณิชย์ไม่ได้เพิ่มทุนเข้ามาทำให้สัดส่วนการถือหุ้นลดลง โดยปัจจุบันการลงทุนของบริษัทจะมองไปถึงการที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามามีบทบาทต่อการอยู่อาศัยที่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิตใน 3 ด้าน ได้แก่

การเข้ามามีบทบาทในการอยู่อาศัยที่ปัจจุบันลูกบ้านมีความต้องการด้านบริการที่สะดวกสบายมากขึ้น และมองหาความคุ้มค่าและประหยัด ซึ่งมาจากไลฟสไตล์การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป , การมีบทบาทของการบริหารจัดการทำเลที่ตั้งของโครงการ ที่จะต้องมีการนำระบบต่าง ๆ เข้ามาใช้ การบริหารจัดการสภาพแวดล้อมในโครงการให้มีความปลอดภัยและมีความสะดวกสบายสำหรับลูกบ้านในการเข้า-ออกโครงการ และการเข้ามามีบทบาทในการด้านการขนส่งต่าง ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทต้องคำนึงถึงเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกบ้านในการเดินทางตั้งแต่ต้นทางไปถึงจุดหมาย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมแสนสิริในการพัฒนาและขายโครงการต่างๆ ด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ