นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะผันผวนในกรอบจำกัด โดยดัชนีฯคงจะแกว่งทั้งในแดนบวก-ลบ เนื่องจากเดือนนี้ตลาดฯได้ปรับตัวลงซึมซับข่าวร้ายไปในระดับหนึ่งแล้ว ขณะที่ยังต้องรอดูพัฒนาการสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบคละกัน หลังจากที่ดาวโจนส์เมื่อคืนที่ผ่านมาได้เคลื่อนไหวในแดนบวก แต่ก็มองเป็นการเกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์หลังร่วงแรง นอกจากนี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ก็ออกมาระบุว่าพร้อมจะเจรจาการค้ากับจีน แต่คนก็ยังไม่เชื่อ ด้านราคาน้ำมันปรับตัวลงราว 2% อาจจะไปกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงานได้
สำหรับบ้านเราวันนี้มีการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ตลาดฯคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่ให้รอดูการส่งสัญญาณ เนื่องจากปัจจัยจากต่างประเทศอาจจะทำให้กนง.เปิดช่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ในอนาคต
พร้อมให้แนวรับ 1,665 จุด ส่วนแนวต้าน 1,676-1,680 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (6 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,029.52 จุด พุ่งขึ้น 311.78 จุด (+1.21%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,881.77 จุด เพิ่มขึ้น 37.03 จุด (+1.30%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,833.27 จุด พุ่งขึ้น 107.23 จุด (+1.39%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 37.24 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 11.46 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 1.48 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 28.14 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 7.83 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 1.10 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.69 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 25.56 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (6 ส.ค.62) 1,671.48 จุด เพิ่มขึ้น 5.49 จุด (+0.33%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,428.06 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 ส.ค.2562
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (6 ส.ค.62) ปิดที่ 53.63 ดอลลาร์/บาร์เรลร่วงลง 1.06 ดอลลาร์ หรือ 1.9%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (6 ส.ค.62) ที่ 5.83 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.71 แข็งค่าตามภูมิภาค ตลาดรอกนง.บ่ายนี้ จับตาส่งสัญญาณดอกเบี้ย คาดกรอบวันนี้ 30.65-30.80
- ครม.ถกรับมือเศรษฐกิจโลก "สมคิด"ห่วง 3 ปัจจัย สงครามการค้า ค่าเงินหยวน ประท้วงฮ่องกง จับตาเทรดวอร์ ลามการเงิน เร่งดันเศรษฐกิจภายใน "สรท." ชี้หยวนกดราคาสินค้าไทยแพงขึ้น 10% นักวิเคราะห์เผยตั้งแต่ต้นปีหยวนอ่อนค่าเทียบเงินบาท 7.4% หวั่นฉุดเศรษฐกิจไทย 3 ด้าน "ท่องเที่ยว-ส่งออก-อสังหาฯ"
- ครม. มีมติเห็นชอบกรอบร่างงบประมาณประจำปี 63 จำนวน 3.2 ล้านล้านบาท เพิ่มจากปี 62 ถึง 2 แสนล้านบาท หรือ 6.7% โดยเป็นงบประมาณขาดดุลเกือบ 4.7 แสนล้านบาท "บิ๊กตู่" เผยงบฯแต่ละกระทรวงใกล้เคียงปีที่แล้ว เล็งลดงบฯประจำ-การลงทุน
- สภาธุรกิจตลาดทุนไทยถก 'อุตตม' วันนี้ ชงเลิกแอลทีเอฟ ออกกองใหม่ 'กองทุนยังชีพ' ให้สิทธิลดหย่อนภาษีเหมือนกัน แต่ลดเพดานออกลงครึ่งหนึ่ง ไม่เกิน 2.5 แสนบาท ลบคำครหาคนรายได้สูงได้ประโยชน์ เพิ่มเกณฑ์บังคับลงทุนหุ้นยั่งยืนด้วย แนะตั้งกองทุนบำเหน็จฯรับมือไทยก้าวสู่สังคมสูงวัย ช่วยคนเกษียณมีเงินพอใช้
- ธอส.จ่อเข็นมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์รับนโยบายรัฐบาล เตรียม 5 หมื่นล้านบาท ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ 2.5-2.75% ให้กู้รายละ 3-5 ล้านบาท ปลื้มยอดจองสลากออมทรัพย์วิมานเมฆ เล็งเปิดเฟส 2
- ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย(สรท.) เปิดเผยว่า จากตัวเลขการส่งออกของไทยเดือน มิ.ย.62 มีมูลค่า 21,409 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ร้อยละ 2.15 ขณะที่ครึ่งปีแรกมีมูลค่ารวม 122,970 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯยังติดลบร้อยละ 2.91 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
*หุ้นเด่นวันนี้
- GPSC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 73 บาท อยู่ระหว่างทบทวน (มีแนวโน้มปรับขึ้น) แม้กำไรสุทธิ Q2/62 1.08 พันล้านบาท +15% Q-Q, +3% Y-Y ต่ำกว่าคาดแต่ไม่เป็นลบ เพราะมีรายการพิเศษ เช่น ค่าตัดจำหน่ายมูลค่ายุติธรรมของ GLOW (ไม่กระทบเงินสด) ค่าที่ปรึกษา สำรองประโยชน์พนักงานของ 2 บริษัท ในด้าน operations ต้นทุนค่าก๊าซสูงขึ้น ด้านรายได้และ EBITDA แข็งแกร่ง รายได้ +120% Q-Q, +203% Y-Y EBITDA +154% Q-Q, +231% Y-Y หลังรวม GLOW เต็มไตรมาส แนวโน้ม H2/62 โตต่อจากโรงไฟฟ้าไซยะบุรีและน้ำลิกและก้าวกระโดดปีหน้าเมื่อรวม GLOW
- AMATA (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 28 บาท ได้ Sentiment บวกจากภาพการเมืองที่ชัดเจน คาดรัฐบาลใหม่เดินหน้า EEC ต่อ ขณะเดียวกันสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐยังหนุนให้เกิดเงินทุนเคลื่อนย้ายจากจีนมาไทยเพื่อเลี่ยงปัญหา Trade war มากขึ้น
- THANI (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 9.6 บาท เป็นเพียงไม่กี่บริษัทในกลุ่มธุรกิจสินเชื่อที่มี ROE สูงเกิน 20% เมื่อบวกกับแนวโน้มการเติบโตที่สดใส โดย THANI ประกาศกำไร 2Q62 ที่ 511 ล้านบาท เติบโต 3%QoQ และ 30%YoY เป็นการเติบโตติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 14 พร้อมคาดแนวโน้มกำไรในครึ่งปีหลังจะยังทำ New High ต่อเนื่อง ในด้านการดำเนินงานปกติ โดยคาดว่าสินเชื่อจะยังเติบโตได้ต่อเนื่อง แต่ Spread อาจลดลง เนื่องจากปัจจุบันบริษัทหันไปเน้นกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า ซึ่งทำให้ Yield ไม่สูงเท่ารายย่อย