นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า สิ้นเดือน ก.ค.62 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดที่ 1,711.97 จุด ลดลง 1.1% จากสิ้นเดือนก่อน และเพิ่มขึ้น 9.5% จากสิ้นปี 61 มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมของ SET และ mai อยู่ที่ 64,050 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยผู้ลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ด้วยมูลค่าซื้อสุทธิสูงสุดในอาเซียน
ตลท.รายงานว่า SET Index ณ สิ้นเดือน ก.ค.62 ปิดที่ 1,711.97 จุด ลดลง 1.1% จากสิ้นเดือนก่อน และเพิ่มขึ้น 9.5% จากสิ้นปี 61 โดยกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มทรัพยากร และกลุ่มบริการให้ผลตอบแทนมากกว่า SET Index
ในเดือน ก.ค.62 ผู้ลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิในตลาดหลักทรัพย์ไทย 20,524 ล้านบาท มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมของ SET และ mai อยู่ที่ 64,050 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ณ สิ้นเดือน ก.ค.62 Forward และ Historical P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย อยู่ที่ระดับ 16.4 เท่า และ 18.5 เท่าตามลำดับ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 14.6 เท่า และ 16.0 เท่าตามลำดับ อัตราเงินปันผลตอบแทน อยู่ที่ระดับ 3.02% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของ MSCI Emerging Market ที่อยู่ที่ 2.89%
ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมของ SET และ mai อยู่ที่ 17.9 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.5% จากสิ้นปี 61 ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางของดัชนี
ทั้งนี้ ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 62 มูลค่าการระดมทุนในตลาดแรก (IPO) ของไทยอยู่ที่ระดับ 14,131 ล้านบาท
นายศรพล กล่าวว่า ในเดือน ก.ค.ตลาดหลักทรัพย์ไทยปรับตัวลดลงน้อยกว่าตลาดหุ้นขนาดใหญ่ โดยได้รับผลบวกจากความเชื่อมั่นด้านเสถียรภาพทางการเมืองภายในประเทศที่ดีขึ้น สอดคล้องกับการปรับ outlook เป็นบวกของบริษัทจัดอันดับ rating ส่งผลให้ผู้ลงทุนต่างประเทศยังคงซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ควรจับตามองความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก ได้แก่ สถานการณ์สงครามการค้าที่เริ่มมีสัญญาณของความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้น ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ตลอดจนทิศทางการดำเนินนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ
ส่วนภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ในเดือน ก.ค.62 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 509,534 สัญญา ซึ่งเพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในช่วงครึ่งปีแรก