PPPM ราคาร่วงแรง 22.84% หลังปลด SP เช้านี้ แม้เคลียร์คืนหุ้นกู้ชุดแรกครบแล้ว แต่เล็งขยายเวลาชำระคืนหุ้นกู้ที่เหลือ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 8, 2019 10:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น PPPM ราคาร่วงแรง 22.84% มาอยู่ที่ 1.52 บาท ลดลง 0.45 บาท มูลค่าซื้อขาย 10.15 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.00 น. โดยเปิดตลาดที่ 1.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1.60 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 1.48 บาท

ตลาดปลดเครื่องหมาย SP หุ้นบมจ.พีพี ไพร์ม (PPPM) ตั้งแต่การซื้อขายรอบเช้าวันนี้ หลังจากที่บริษัทได้ชี้แจงข้อมูลรายละเอียดแผนการชำระคืนหุ้นกู้ต่อตลท.แล้ว

PPPM ชี้แจงเกี่ยวกับการชำระหนี้หุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2560 จำนวน 260.50 ล้านบาท โดยในส่วนการชำระคืนหุ้นกู้ดังกล่าวจำนวน 216.80 ล้านบาทนั้น เหตุการณ์ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ในฐานะนายทะเบียนหุ้นกู้ ได้โอนเงินและออกเช็คให้กับผู้ถือหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนไปบางส่วนในวันที่ 30 กรกฎาคม 2562 และจากการประชุมกับธนาคารในช่วงเวลาบ่ายของวันที่ 31 กรกฎาคม 2562 ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า เป็นการตัดเงินของธนาคารจากระบบด้วยความผิดพลาด ดังนั้น ตามหนังสือที่อ้างถึงลำดับที่ 1 เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2562 บริษัทได้เข้าใจโดยสำคัญผิดและแจ้งไปว่า "เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2562 นายทะเบียนหุ้นได้ชาระหนี้ให้กับผู้ถือหุ้นกู้"

แต่เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2562 จากหนังสือฉบับที่อ้างถึงลำดับที่ 2 ของนายทะเบียนหุ้นดังกล่าว บริษัททราบว่า "การชำระหนี้หุ้นกู้ลำดับที่ 1 จำนวน 260.50 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2562 นายทะเบียนหุ้นกู้ได้โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของผู้ถือหุ้นกู้ไปเป็นการตัดเงินของธนาคารจากระบบด้วยความผิดพลาดให้กับผู้ถือหุ้นกู้ไปเป็นเงินจำนวน 216.8 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทยังไม่ทันได้นำเงินฝากเข้าบัญชีเพื่อชาระหนี้ไถ่ถอนหุ้นกู้"

ต่อมาเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2562 ผู้บริหารของบริษัทและผู้บริหารของธนาคารไทยพาณิชย์ ในฐานะนายทะเบียนหุ้นกู้ได้ประชุมร่วมกันแล้ว ทำให้บริษัททราบโดยชัดแจ้งแล้วว่า การโอนเงินเข้าบัญชีผู้ถือหุ้นกู้เป็นไปตามข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น ดังนั้น ในวันที่ 6 สิงหาคม 2562 คณะกรรมการบริษัท จึงได้มีมติให้ดำเนินการชำระเงินคืนให้นายทะเบียนหุ้นกู้ และบริษัทได้ดำเนินการคืนเงินด้วยวิธีการโอนเงินด้วยระบบบาทเนตเรียบร้อยแล้ว โดยเงินที่นำมาชำระดังกล่าวมาจากการเพิ่มทุนซึ่งกำหนดวันจองซื้อและชำระค่าหุ้นเมื่อวันที่ 1-5 กรกฎาคม 2562 จำนวนประมาณ 250 ล้านบาท และเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท

ส่วนความคืบหน้าในการชำระหุ้นกู้ ทั้งจำนวน 216.80 ล้านบาท และจำนวน 43.70 ล้านบาท บริษัทชี้แจงว่า เมื่อบริษัทได้ชำระเงินจำนวน 216.80 ล้านบาท คืนให้กับนายทะเบียนหุ้นกู้แล้ว ผู้ถือหุ้นกู้ที่ได้รับเงินเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2562 ก็ไม่ต้องคืนเงินดังกล่าวกลับเข้าบัญชีเพื่อนำส่งคืนให้กับนายทะเบียนหุ้นกู้อีก และถือว่า ผู้ถือหุ้นกู้ที่ได้รับเงินไปเป็นการชำระหนี้หุ้นกู้ในครั้งที่ 1/2560 เรียบร้อยแล้ว

การชำระหนี้หุ้นกู้ จำนวน 43.70 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2562 บริษัทได้โอนเงินเข้าบัญชีผู้ถือหุ้นกู้ จำนวนรวม 40 ราย และจัดทำเป็นแคชเชียร์เช็คจำนวน 9 ราย ซึ่งปรากฏว่า มีตัวแทนของผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ได้ประสานงานว่า ผู้ถือหุ้นกู้จะมารับในวันที่ 5 สิงหาคม 2562 ณ บริษัท ฟีนิกซ์ แอดไวซอรี่ เซอร์วิสเซส จำกัด ซึ่ง ณ วันที่ 5 สิงหาคม 2562 ผู้ถือหุ้นกู้ทั้ง 9 รายได้รับแคชเชียร์เช็คไปครบถ้วนแล้ว โดยเงินที่นำมาชำระดังกล่าวมาจากการเพิ่มทุนและเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทและจากการประสานงานกับนายทะเบียนหุ้นกู้ปรากฏว่า มีผู้ถือหุ้นกู้ 3 ราย ที่ยังไม่ได้รับชำระหนี้ไถ่ถอนหุ้นกู้ บริษัทจึงได้โอนเงินให้กับผู้ถือหุ้นทั้ง 3 รายโดยตรงแล้ว เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2562

ดังนั้น บริษัทขอสรุปว่า หุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2560 (TLUXE197A) บริษัทได้ชำระหุ้นกู้ครบถ้วนแล้ว

สำหรับผลกระทบต่อแผนการชำระหนี้หุ้นกู้ ครั้งที่ 2/2561 จำนวน 319.5 ล้านบาทนั้น เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2562 จากหนังสือฉบับที่อ้างถึงลำดับที่ 1 บริษัทได้แจ้งว่า หุ้นกู้ครั้งที่ 2/2561 (TLUXE198A) จำนวน 319.50 ล้านบาท ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 2 สิงหาคม 2562 บริษัทจะดำเนินการชำระหนี้ต้นเงินและดอกเบี้ยในวันที่ 7 สิงหาคม 2562 โดยเงินที่มาชำระดังกล่าวจะมาจากการขายหลักทรัพย์เพื่อค้า, เงินทุนหมุนเวียนของกิจการและเงินจากการเพิ่มทุน แต่เนื่องจากบริษัทได้นำเงินจากการเพิ่มทุนไปชำระหุ้นกู้ตามข้างต้น และบริษัทยังไม่สามารถขายหลักทรัพย์เพื่อค้าได้ จึงเป็นผลทำให้บริษัทไม่สามารถชำระหนี้ไถ่ถอนหุ้นกู้ ครั้งที่ 2/2561 จำนวน 319.5 ล้านบาท ดังกล่าวข้างต้นได้

และด้วยผลจากการที่บริษัทมีเงินกู้ที่มีกำหนดระยะเวลาการชำระหนี้คืนในหลายช่วงเวลา รวมทั้งแผนการเพิ่มทุนที่บริษัทได้วางแผนไว้ไม่สำเร็จตามแผน ทำให้การจัดการด้านการเงินของบริษัทในการชำระหนี้คืนดังกล่าวไม่เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ ทำให้บริษัทมีความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงโครงสร้างทางการเงิน

และจากเหตุดังกล่าวคณะกรรมการบริษัทในการประชุมครั้งที่ 16/2562 เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2562 จึงมีมติแจ้งเหตุการณ์การผิดนัดไม่ชำระหนี้หุ้นกู้ ครั้งที่ 2/2561 จำนวน 319.5 ล้านบาท และมีมติกำหนดให้เรียกประชุมผู้ถือหุ้นกู้ในวันที่ 2 กันยายน 2562 เวลา 14.00 น. สถานที่จัดประชุมจะแจ้งให้ทราบต่อไป โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนวันที่ 19 สิงหาคม 2562 เวลา 12.00 น. จนกว่าจะประชุมผู้ถือหุ้นกู้แล้วเสร็จ ซึ่งการเรียกประชุมผู้ถือหุ้นกู้ดังกล่าวเป็นไปตามข้อกำหนดสิทธิว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของผู้ออกหุ้นกู้และผู้ถือหุ้นกู้

ทั้งนี้ การเรียกประชุมผู้ถือหุ้นกู้ดังกล่าว เพื่อขอขยายระยะเวลาการชำระไถ่ถอนเงินต้นหุ้นกู้ดังกล่าว ออกไป 330 วัน นับแต่วันครบกาหนดไถ่ถอน ซึ่งจะครบกำหนดไถ่ถอนวันที่ 2 กรกฎาคม 2563 โดยบริษัทจะชำระดอกเบี้ยปกติของงวดวันที่ 2 สิงหาคม 2562 จำนวนประมาณ 5.711 ล้านบาท ในวันที่ 2 กันยายน 2562 และบริษัทจะขอแก้ไขอัตราดอกเบี้ยปกติจากอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7.25 ต่อปี เพิ่มขึ้นอีกอัตราร้อยละ 0.5 ต่อปี เป็นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7.75 ต่อปี

โดยบริษัทจะชำระดอกเบี้ยที่จะได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ในงวดถัดไปในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2562 จำนวนเงินประมาณ 6.105 ล้านบาท , วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563 จำนวนเงินประมาณ 6.105 ล้านบาท และวันที่ 2 กรกฎาคม 2563 จำนวนเงิน 10.175 ล้านบาท รวมเป็นดอกเบี้ยที่ชำระทั้งหมดนับแต่วันที่ครบกำหนดชำระ (วันที่ 2 สิงหาคม 2562) ถึงวันที่ 2 กรกฎาคม 2563 เป็นเงินจำนวน 22.385 ล้านบาท โดยการชำระดอกเบี้ยในแต่ละงวดจะชำระในวันที่กำหนดดังกล่าวข้างต้น ซึ่งการชำระหนี้ดังกล่าวมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท

สำหรับการชำระหนี้ดอกเบี้ยและเงินต้นเพื่อไถ่ถอนหุ้นกู้ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2563 บริษัทจะดำเนินการขายทรัพย์สินที่ไม่ได้ใช้ดำเนินการและขายหลักทรัพย์เพื่อค้า ทั้งนี้ สำหรับทรัพย์สินที่ติดภาระผูกพันบริษัทจะดำเนินการจัดให้ปลอดภาระผูกพันก่อนแล้วจึงจะดำเนินการขายเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ไถ่ถอนหุ้นกู้ครั้งที่ 2/2561 ในคราวเดียวต่อไป รวมทั้งบริษัทจะขอผ่อนผันยกเว้นอัตราดอกเบี้ยผิดนัดกับผู้ถือหุ้นกู้ในอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้บวกด้วยอัตราร้อยละ 2 ต่อปี ตามข้อกำหนดว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของผู้ออกหุ้นกู้ด้วย สำหรับการชำระดอกเบี้ยทุกงวดและชำระหนี้เงินต้นเพื่อไถ่ถอนหุ้นกู้ดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการผ่านนายทะเบียนหุ้นกู้เช่นกัน

เหตุการณ์ผิดนัดชำระหนี้จำนวนดังกล่าวข้างต้นไม่ก่อให้เกิดเหตุการณ์ผิดนัดชำระหนี้เงินในหุ้นกู้ตามที่กำหนดไว้ในตามข้อกำหนดสิทธิว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของผู้ออกหุ้นกู้และผู้ถือหุ้นกู้ ของหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2561 (TLUXE205A), หุ้นกู้ครั้งที่ 3/2561 (TLUXE199A) และหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2562 (PPPM213A) ที่กำหนดไว้ในข้อกำหนดสิทธิว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของผู้ออกหุ้นกู้และผู้ถือหุ้นกู้

ส่วนผลกระทบต่อการผิดนัดชำระหนี้สินอื่นๆ เช่น หนี้สถาบันการเงิน และมีผลกระทบที่อาจทาให้เจ้าหนี้เรียกชำระหนี้คืนก่อนกำหนดหรือไม่ อย่างไร บริษัทฯ แจ้งว่า ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562 บริษัทมีภาระหนี้กับสถาบันการเงิน 2 แห่งรวม 927 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้สินระยะสั้น จำนวน 340 ล้านบาท (วงเงินทุนหมุนเวียน) และหนี้สินระยะยาว จำนวน 587 ล้านบาท ซึ่งหนี้สินระยะยาวดังกล่าวเป็นไปตามสัญญากู้เงินของสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง ซึ่งมีข้อสัญญาในกรณีผิดนัดกำหนดให้เมื่อบริษัทมีหนี้สินอื่นใดไม่มีการชำระหนี้ที่ถึงกำหนด เป็นเหตุกรณีผิดนัด และด้วยบริษัทมีการผ่อนชำระหนี้ตามปกติกับสถาบันการเงินดังกล่าวมาโดยตลอด บริษัทจะดำเนินการขอผ่อนผันเหตุการณ์ผิดนัดชาระหนี้หุ้นกู้ดังกล่าวข้างต้น โดยคณะกรรมการบริษัทได้มีมติมอบหมายให้ผู้บริหารของบริษัทและบริษัท ฟีนิกซ์ แอดไวซอรี่ เซอร์วิสเซส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาด้านการจัดทำแผนหุ้นกู้ของบริษัท ดำเนินการขอยกเว้นเหตุการณ์ผิดนัดดังกล่าวกับสถาบันการเงินเจ้าหนี้รายดังกล่าวข้างต้นของบริษัท โดยจะรายงานผลการพิจารณาของสถาบันการเงินภายในทันทีที่ทราบผลการพิจารณา และบริษัทยังชำระหนี้ตามปกติ รวมทั้งยังไม่มีสถาบันการเงินเจ้าหนี้รายใดได้เรียกเงินชำระหนี้คืนก่อนกำหนด และสำหรับสถาบันการเงินอีกแห่งหนึ่งมิได้มีข้อกำหนดกรณีผิดนัดดังกล่าวแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ผลจากการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ ยังมิได้ส่งผลกระทบต่อเหตุการณ์ผิดนัดชำระหนี้สถาบันการเงินดังที่บริษัทได้เรียนมาข้างต้น และบริษัทยังสามารถชำระหนี้ให้กับสถาบันการเงินดังกล่าวข้างต้นได้

สำหรับหนี้หุ้นกู้อีก 3 รุ่น หุ้นกู้ครั้งที่ 3/2561 (TLUXE199A) จำนวน 134 ล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนวันที่ 3 กันยายน 2562 หุ้นกู้ครั้งที่ 1/2561 (TLUXE205A) จำนวน 200 ล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอน วันที่ 8 พฤษภาคม 2563 และหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2562 (PPPM213A) จำนวน 207.60 ล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอน วันที่ 18 มีนาคม 2564 บริษัทจะดำเนินการชำระหนี้ดอกเบี้ยปกติและชำระหนี้ไถ่ถอนหุ้นกู้ภายในกำหนด

โดยมีแหล่งที่มาของการชำระเงินจากที่บริษัทกำหนดจะขายหลักทรัพย์เพื่อค้าและขายสินทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้ดำเนินกิจการ และบริษัทได้เคยทำบันทึกข้อตกลงเบื้องต้นในการจำหน่ายโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ ในประเทศญี่ปุ่น ทั้งหมด 15 ยูนิต ซึ่งบริษัทได้รับเงินมัดจำ เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2561 จำนวน 200 ล้านเยน (ประมาณ 59.98 ล้านบาท) และต่อมา เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2562 บริษัทได้รับเงินมัดจำเพิ่มเติมจำนวน 400 ล้านเยน (ประมาณ 116.28 ล้านบาท) ทำให้บริษัทได้รับเงินมัดจำมาแล้ว รวมจำนวนประมาณ 600 ล้านเยน (หรือประมาณ 176.26 ล้านบาท) ซึ่งเดิมทางผู้ซื้อคาดว่าจะจ่ายชำระค่าซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพได้ภายในไม่เกิน 30 มิถุนายน 2562 ซึ่งขณะนี้ผู้ซื้อได้เจรจากับบริษัทเพื่อขอขยายอายุข้อตกลงเบื้องต้นในการจำหน่ายโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพไม่เกินธันวาคม 2562 ในมูลค่าส่วนที่เหลือที่จะได้รับชำระเงินอีกประมาณ 4,200 ล้านเยน (หรือประมาณ 1,183.77 ล้านบาท) รวมทั้งนำเงินจากเงินทุนหมุนเวียนและสภาพคล่องของกิจการมาชำระไถ่ถอนหุ้นกู้ต่อไป

เหตุดังกล่าวไม่กระทบผลการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งบริษัทยังดำเนินธุรกิจขายอาหารสัตว์และธุรกิจพลังงานความร้อนใต้พิภพได้ตามปกติ ส่วนสาเหตุหลักเนื่องจากการปรับโครงสร้างทางการเงินดังกล่าวข้างต้น บริษัทจะดำเนินการแก้ไขปรับปรุงให้ธุรกิจของบริษัทเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและชำระหนี้คืนให้ตรงตามกำหนดระยะเวลาต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ