นายวศิน วัฒนวรกิจกุล กรรมการผู้จัดการ Head of Business Distribution บลจ.บัวหลวง เปิดเผยว่า นักลงทุนกำลังเผชิญสถานการณ์แวดล้อมในโลกที่ทำให้จับจังหวะลงทุนได้ยากขึ้น ทั้งสงครามการค้าและเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ที่เป็นปัจจัยต่อเนื่องกระทบเศรษฐกิจและตลาดการเงินในอนาคต แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่อยู่ในระดับต่ำ และสภาพคล่องที่มีอยู่มากในระบบการเงิน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ทำให้การลงทุนในตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลก รวมทั้งไทย เผชิญความผันผวนมากขึ้น
ทั้งนี้ บลจ.บัวหลวง แนะนำทางเลือกการลงทุนผ่านกองทุนผสม 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดบัวหลวงอินคัม (B-INCOME) กองทุนผสมบีซีเนียร์สำหรับวัยเกษียณ (B-SENIOR) และกองทุนผสมบีซีเนียร์สำหรับวัยเกษียณ เอ็กซ์ตร้า (B-SENIOR-X) ซึ่งทั้ง 3 กองทุนนี้ ผู้จัดการกองทุนจะจัดสรรเงินไปลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภทผสมผสานกัน จึงมีความทนทานต่อสถานการณ์ อีกทั้งเหมาะกับผู้ลงทุนที่ไม่มีความชำนาญและไม่มีเวลาจัดสรรเงินลงทุนเอง
โดย B-INCOME จะลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพดีหลากหลายประเภทที่สามารถสร้างรายได้สม่ำเสมอ ส่วน B-SENIOR และ B-SENIOR-X เน้นโอกาสรับผลตอบแทนที่มากกว่าเงินเฟ้อ เพื่อรักษาอำนาจการซื้อของผู้ลงทุน ซึ่งจะแตกต่างกันเพียง B-SENIOR-X มีสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศระดับสูงกว่า คือ ไม่เกิน 79% เพื่อเพิ่มโอกาสคัดเลือกสินทรัพย์ลงทุน ขณะที่ B-SENIOR ลงทุนในต่างประเทศไม่เกิน 15%
"เราลงทุนก็เสี่ยง ไม่ลงทุนก็เสี่ยง หลายคนมองว่า สถานการณ์ไม่ดี ทำไมต้องลงทุน แต่การอยู่เฉย ๆ ไม่ลงทุนก็มีความเสี่ยง เนื่องจากเงินที่เราถืออยู่จะด้อยค่าลงจากอัตราเงินเฟ้อ วิธีที่ดี คือ กระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย ตามความเสี่ยงที่รับได้ แล้วปล่อยให้เงินลงทุนเติบโต โดยกองทุนผสม หรือ mixed fund เป็นทางเลือกที่เหมาะสม เพราะรับมือสถานการณ์ตลาดเงิน ตลาดทุนที่มีความไม่แน่นอนสูงได้ดี เนื่องจากกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย ทั้งสร้างสมดุลความเสี่ยงและผลตอบแทน" นายวศิน กล่าวนายวศิน กล่าวว่า บลจ.บัวหลวงเพิ่งปรับลดประมาณการเศรษฐกิจโลกปีนี้ว่าจะขยายตัว 3.3-3.6% เทียบกับช่วงต้นปีที่ประเมินไว้ 3.4-3.6% เนื่องจากเห็นผลกระทบข้างเคียงของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่เกิดขึ้นกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ทั้งยังปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 3.3-3.6% ลดลงจากเมื่อต้นปีที่เคยคาดการณ์ว่า จะขยายตัว 4.1% เนื่องจากการส่งออกและการท่องเที่ยวมีแนวโน้มเติบโตน้อยลง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนคาดหวังมาตรการของรัฐบาลใหม่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่จะชัดเจนขึ้นในระยะอันใกล้
การปรับลดประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทย อาจทำให้นักลงทุนกังวลกับการลงทุนท่ามกลางความท้าทายที่มีมากขึ้น โดยเฉพาะในบางจังหวะที่มูลค่าหน่วยลงทุนลดลงต่ำกว่าที่ลงทุนไว้ แต่การลงทุนก็ไม่เหมือนการซื้อสินค้าที่ชำระเงินไปแล้วได้สินค้ากลับมาทันที เพราะการลงทุนต้องใช้เวลาเพื่อรอให้เติบโต ส่วนใครที่ยังไม่เคยลงทุนมาก่อน ควรเริ่มทดลองนำเงินมาลงทุนจำนวนน้อยๆ แล้วค่อยๆ เพิ่มเงินลงทุนในอนาคต หากเลือกกองทุนที่ดี ลงทุนอย่างสม่ำเสมอ และให้เวลากับการลงทุน ก็มีโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีได้ในอนาคต
"ผู้ลงทุนควรกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย ไม่ควรใส่เงินลงทุนไว้ในสินทรัพย์ประเภทเดียว หากปัจจุบันลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้อยู่แล้ว ก็อาจพิจารณายืดตัวมาลงทุนในกองทุนผสมบ้าง ส่วนผู้ที่ลงทุนในกองทุนผสมอยู่แล้ว และรู้สึกพึงพอใจกับการทำงานของกองทุนประเภทนี้ ก็อาจจะเปิดโอกาสให้ตัวเองมากขึ้น ด้วยการขยายการลงทุนเพิ่มเติมได้" นายวศิน กล่าวนายวศิน กล่าวอีกว่า การลงทุนอย่างต่อเนื่องตลอดทุกช่วงวัฎจักรเศรษฐกิจ (STAYING INVESTED THROUGH ALL MARKET CYCLES) ยังเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่ โดยเชื่อมั่นว่าการลงทุนอย่างสม่ำเสมอด้วยกลยุทธ์ลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย จะรับมือกับความไม่แน่นอนในอนาคตได้ และทำให้ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีด้วย