CKP อวดกำไรสุทธิ Q2/62 โต 26.5% จากรายได้โรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 โตต่อเนื่อง พร้อม COD โรงไฟฟ้าไซยะบุรีใน Q4/62

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 9, 2019 11:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีเค พาวเวอร์ (CKP) เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของปี 2562 ว่า CKP มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,312 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,965 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหลักมาจากรายได้ของโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 ที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง และการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาอีกจำนวน 3 โครงการ ส่งผลให้กำไรสุทธิในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นเป็น 83.7 ล้านบาท คิดเป็นกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.5 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าในไตรมาสนี้ จะมีการหยุดเดินเครื่องเพื่อซ่อมบำรุงใหญ่ตามแผน (Major Overhaul) ของโรงไฟฟ้าบางปะอินโคเจนเนอเรชั่น โครงการ 1 (BIC1) ก็ตาม

นอกจากผลประกอบการที่เติบโตขึ้นแล้ว ในเดือนพฤษภาคม 2562 บริษัทฯ ได้ดำเนินการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในบริษัท เซาท์อีสท์ เอเชีย เอนเนอร์จี จำกัด อีกร้อยละ 5.33 คิดเป็นมูลค่าการลงทุนเพิ่มเติมรวม 681.5 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นทางอ้อมในโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 จากร้อยละ 42.0 เป็นร้อยละ 46.0

ขณะเดียวกัน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน CKP ยังได้เปิดดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา เพิ่มเติมอีกรวม 4 โครงการ คือ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ บางเลน จังหวัดนครปฐม กำลังการผลิตติดตั้ง 0.97 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พุทธมณฑลสาย 5 จังหวัดนครปฐม กำลังการผลิตติดตั้ง 0.97 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ มหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร กำลังการผลิตติดตั้ง 0.72 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ กระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร กำลังการผลิตติดตั้ง 0.52 เมกะวัตต์ อีกด้วย

ในส่วนของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี ขณะนี้การก่อสร้างมีความคืบหน้ากว่า 99% โดยได้เริ่มจ่ายไฟฟ้าให้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) อย่างเป็นทางการแล้ว โดยเครื่องที่ 1 เริ่มจ่ายไฟฟ้าตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา และ ณ เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทางโครงการได้เริ่มเดินเครื่องแล้วรวมจำนวน 6 เครื่องจากทั้งหมด 7 เครื่อง ซึ่ง CKP คาดว่าจะสามารถเดินเครื่องกำเนิดไฟฟ้าครบทั้งหมดได้ภายในเดือนสิงหาคม และเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ตามแผนในไตรมาสที่ 4 ของปี 2562 นี้

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2562 บริษัทฯ ได้รับเงินจองซื้อหุ้นสามัญจากการใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิ CKP-W1 จำนวน 3,565 ล้านบาท ส่งผลให้ฐานะทางการเงินของบริษัทฯ มีความแข็งแกร่งขึ้นเป็นอย่างมาก โดยบริษัทฯ มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวม (Net Interest-bearing Debt to Equity Ratio) อยู่ที่ 0.62 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 2


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ