DIF มั่นใจนลท.ตอบรับดีขายหน่วยลงทุนใหม่ 20-23 ส.ค.พร้อมคาดอัตราผลตอบแทนปีแรกที่ 6.58%

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 13, 2019 14:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการผู้แทนจำหน่ายหน่วยลงทุน เปิดเผยว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (DIF) เตรียมเปิดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่มีรายชื่อปรากฏในสมุดทะเบียน (Record Date) วันที่ 5 ส.ค.ใช้สิทธิจองซื้อหน่วยลงทุนใหม่ตั้งแต่วันที่ 20-23 ส.ค.ที่ราคาเสนอขาย 15.90 บาทต่อหน่วย อัตราส่วนในการจองซื้อที่ 9.40 หน่วยลงทุนเดิม ต่อ 1 หน่วยลงทุนใหม่ เพื่อเข้าลงทุนในทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติมครั้งที่ 4 มูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 15,800 ล้านบาท

การเปิดจองซื้อหน่วยลงทุนใหม่ครั้งนี้ กองทุนฯ จะเสนอขายแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่ได้รับสิทธิจองซื้อหน่วยลงทุนใหม่เท่านั้น ซึ่งผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมมีสิทธิที่จะจองซื้อหน่วยลงทุนใหม่ตามสิทธิและสามารถจองซื้อเกินสิทธิได้ โดยส่วนเกินสิทธิถ้าเหลือ กองทุนฯ จะทำการจัดสรรหน่วยลงทุนใหม่ที่เหลือให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่มีสิทธิ ที่จองซื้อหน่วยลงทุนใหม่เกินกว่าสิทธิที่ได้รับจัดสรร

"เรามั่นใจว่าการเสนอขายหน่วยลงทุนใหม่ครั้งนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่มีสิทธิจองซื้อ เนื่องจากกองทุน DIF มีผลตอบแทนที่มั่นคงจากกระแสรายได้ภายใต้สัญญาเช่าระยะยาวและให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ดีกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก โดยเฉพาะในปัจจุบันที่อัตราดอกเบี้ยเป็นแนวโน้มขาลงและยังเป็นทางเลือกการลงทุนที่มีความผันผวนต่ำกว่าการลงทุนในหุ้น" นางสาววีณา กล่าว

ด้านนายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไทยพาณิชย์ ในฐานะบริษัทจัดการ กล่าวว่า ณ วันที่ 31 มี.ค 62 กองทุน DIF มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิทั้งสิ้น 150,290 ล้านบาท โดยภายหลังเข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 4 จะทำให้กองทุนฯ มีทรัพย์สินครอบคลุมทั่วประเทศ สามารถรองรับความต้องการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่และระบบอินเทอร์เน็ตที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งจะส่งผลดีต่อความต้องการเช่าใช้พื้นที่เสาโทรคมนาคมและใยแก้วนำแสง

ทั้งนี้ ทรัพย์สินใหม่ที่กองทุน DIF จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 4 ประกอบด้วย 1.กรรมสิทธิ์ในเสาโทรคมนาคมสำหรับการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รวม 788 เสา ซึ่งอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานและส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี 2.กรรมสิทธิ์ในใยแก้วนำแสง (Fiber Optic Cable หรือ FOC) สำหรับให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในเขตพื้นที่ต่างจังหวัด ระยะทางประมาณ 1,795 กิโลเมตร (หรือประมาณ 107,694 คอร์กิโลเมตร) และ 3.กรรมสิทธิ์ใน FOC ซึ่งปัจจุบันใช้รองรับเทคโนโลยีระบบ FTTx สำหรับให้บริการอินเทอร์เน็ตและบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัดรวมระยะทางประมาณ 315 กิโลเมตร (หรือประมาณ 40,823 คอร์กิโลเมตร) และประมาณ 3,414 กิโลเมตร (หรือประมาณ 147,209 คอร์กิโลเมตร) ตามลำดับ

ขณะที่ผลการดำเนินงานกองทุน DIF ย้อนหลัง 3 ปี (59-61) สามารถจ่ายเงินปันส่วนแบ่งกำไรต่อหน่วยลงทุนแก่ผู้ถือหน่วยอย่างสม่ำเสมอ รวมต่อปีในอัตรา 0.956, 0.975 และ 1.016 บาทต่อหน่วยตามลำดับ ส่วนในปี 62 ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลแล้ว 2 ครั้ง จากผลการดำเนินงานไตรมาส 1/62 (1 ม.ค.-31 มี.ค.) ในอัตรา 0.26 บาทต่อหน่วย และจ่ายจากผลการดำเนินงานงวด 1 เม.ย.- 31 ก.ค.ที่ผ่านมาในอัตรา 0.3469 บาทต่อหน่วย รวมเป็น 0.6069 บาทต่อหน่วย

ภายหลังการลงทุนครั้งที่ 4 ประมาณการอัตราผลตอบแทนในปีแรกอยู่ที่ 6.58% (ราคาเสนอขายหน่วยลงทุนใหม่ที่ 15.90 บาทต่อหน่วย และประมาณการเงินปันส่วนแบ่งกำไรต่อหน่วยลงทุน สำหรับช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.-30 ก.ย.63 อยู่ที่ 1.0456 บาทต่อหน่วย)

ทั้งนี้ กองทุน DIF เปิดให้จองซื้อหน่วยลงทุนใหม่ ตั้งแต่วันที่ 20-23 ส.ค.62 ระหว่างเวลาทำการ จนถึงเวลา 15.30 น. ของวันที่ 23 ส.ค.62 ได้ที่ผู้แทนจำหน่ายหน่วยลงทุนของสำนักงานและสาขาของธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงเทพ ยกเว้นสาขาไมโคร และธนาคารกรุงไทย หรือสามารถจองซื้อผ่านระบบออนไลน์ของธนาคารกรุงไทย (เฉพาะผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่มีสิทธิประเภทบุคคลธรรมดา)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ