7UP-W4 ปิดเทรดวันแรกที่ 0.21 บาท เพิ่มขึ้น 0.16 บาท (+320%) จากราคาเสนอขาย 0.05 บาท/หน่วย มูลค่าซื้อขาย 83.56 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 0.09 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 0.23 บาท และราคาลงต่ำสุด 0.08 บาท
ขณะที่หุ้น 7UP ปิดที่ 0.51 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท (+4.08%) มูลค่าซื้อขาย 21.79 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 0.49 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 0.51 บาท และราคาลงต่ำสุด 0.45 บาท
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ บมจ.เซเว่น ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (7UP) ใช้ชื่อย่อว่า 7UP-W4 ที่ 0.20 บาท (BSM) อิงราคาหุ้นแม่ที่ 0.49 บาท โดยใช้การคำนวณแบบแยกเป็น 3 ส่วนเนื่องจากลักษณะราคาใช้สิทธิที่เพิ่มขึ้นในปีที่ 2 และ 3 ทำให้การประเมินมูลค่าด้วย BSM ปกติอาจไม่เหมาะสมนัก ด้านต้นทุนของผู้ได้รับ 7UP-W4 อยู่ที่ 0.05 บาท ซึ่งเป็นราคาขายของใบสำคัญแสดงสิทธิ และเราใช้สมมุติฐาน Volatility ที่ 80% ทำให้ All-in Premium อยู่ที่ 42% ด้านความน่าสนใจในการลงทุนด้วยสภาพคล่องในการซื้อขายเฉลี่ยที่ไม่ถึงวันละ 2 ล้านบาท ทำให้มองว่าทั้ง 7UP-W4 และ 7UP มีความเสี่ยงที่สูง แม้ว่าราคาปัจจุบันจะอยู่ที่จุด ATM แต่ด้วยราคาใช้สิทธิที่เพิ่มขึ้นในอนาคตยังเป็นปัจจัยกดดัน
พร้อมให้กรอบมูลค่าของ 7UP-W4 ไว้ที่ 0.15-0.22 บาท เมื่อราคาหุ้น 7UP เคลื่อนไหวในกรอบ 0.44-0.54 บาท โดยมี Volatility 81% per year
7UP ประกอบธุรกิจ 1.ธุรกิจรับเหมาติดตั้งระบบวิศวกรรมประกอบอาคาร งานระบบวิศวกรรมไฟฟ้าและระบบสื่อสาร งานระบบประปาและสุขาภิบาล งานระบบปรับอากาศและระบายอากาศ 2. ธุรกิจเหมืองถ่านหิน 3. ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
7UP-W4 จำนวนที่ออก 605 ล้านหน่วย จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 5 หุ้นเดิม : 1 หลักทรัพย์แปลงสภาพที่ราคา 0.05 บาท อัตราใช้สิทธิ 1 : 1 @ 0.50 บาทในปีแรก, 1.25 บาทในปีที่ 2 และปีสุดท้ายที่ 2.25 บาท อายุ 3 ปี โดยสามารถใช้สิทธิได้ทุกวันทำการสุดท้ายของเดือน มิ.ย. (ใช้สิทธิได้ครั้งแรกในวันที่ 30 มิ.ย. 2563 และหมดอายุในวันที่ 8 ส.ค. 2562