ก.ล.ต.ยันนโยบายใช้เทคโนโลยีดิจิทัลพัฒนาตลาดทุนไทย แม้ "บิทคอยน์"ขอเลิกเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 2, 2019 18:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.มีนโยบายที่จะใช้เทคโนโลยีดิจิทัล มาพัฒนาเป็น digital infrastructure ของตลาดทุนไทย ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจให้มีความสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น รวมทั้งยังส่งผลดีต่อผู้ลงทุน และประชาชนที่จะเข้ามาใช้บริการด้วยต้นทุนที่ลดลง แม้ว่าล่าสุดบริษัท บิทคอยน์ จำกัด (BX) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Exchange) ได้ตัดสินใจยุติบทบาทการเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลก็ตาม

โดย ณ เวลานี้ยังเป็นเรื่องเฉพาะบริษัท ซึ่งบริษัทยังไม่ได้ปิดการให้บริการในทันที ดังนั้น จึงต้องใช้ระยะเวลาในการติดตามผลกระทบ อย่างไรก็ดี ก.ล.ต. จะวิเคราะห์เรื่องนี้เปรียบเทียบกับพัฒนาการของตลาดในต่างประเทศ

สำหรับสถานะล่าสุดของผู้ประกอบการธุรกิจดิจิทัล มีผู้ประกอบการธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Exchange) ทั้งสิ้น 3 ราย ประกอบด้วย บริษัท บิทคอยน์ จำกัด (BX) , บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (BITKUB) และบริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (Satang Pro) และอยู่ระหว่างรอ activate จำนวน 1 ราย ขณะที่มีผู้ยื่นคำขอเป็น Exchange มาแล้ว 2 ราย และอยู่ระหว่างรับคำปรึกษา 6 ราย

ส่วนสาเหตุที่ BX แจ้งการเลิกประกอบธุรกิจการเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เนื่องจากบริษัทได้เล็งเห็นถึงโอกาสในการพัฒนาธุรกิจในทางอื่น ๆ แทนการประกอบธุรกิจเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ดังนั้น ภายหลังจากวันที่ 30 กันยายน 2562 ลูกค้าจะไม่สามารถทำการซื้อขาย, แลกเปลี่ยน (เทรดดิ้ง) ผ่านเว็บไซต์ BX.in.th ได้อีกต่อไป แต่ลูกค้ายังคงทำคำสั่งถอนได้ตามปกติ ซึ่งเป็นไปตามที่บริษัทแจ้งไว้ในเว็บไซต์ (https://bx.in.th/THB/BTC/)

โดยขั้นตอนการคืนใบอนุญาต BX นับจากวันประกาศจะเลิกประกอบธุรกิจเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล จะต้องคืนทรัพย์สินลูกค้าหมด หรือกรณีมีทรัพย์สินค้าง BX ต้องวางทรัพย์กับกรมบังคับคดี หรือมีวิธีการจัดการทรัพย์สินของลูกค้าเรียบร้อย จึงสามารถยื่นคำขอเข้าสู่กระบวนการขอเลิกประกอบธุรกิจฯ ได้ ขณะที่กระบวนการ การคืนสินทรัพย์ต่อลูกค้า บริษัทได้เปิดเผยขั้นตอนต่าง ๆ รวมทั้งให้คำแนะนำลูกค้าไว้ ตามขั้นตอนต่าง ๆ (รายละเอียดตาม link https://bx.in.th/support/article/create-personal-wallet-th/)

ส่วนกรณีที่ลูกค้าประสงค์ขอโอนย้ายทรัพย์สินดิจิทัลไปซื้อขายในศูนย์ซื้อขายฯอื่นในต่างประเทศ เมื่อได้รับเงิน (fiat money) แล้ว จะสามารถนำเงินกลับประเทศได้หรือไม่นั้น สามารถทำได้โดยผ่าน PayPal USD หรือสามารถโอนกลับ เข้ามาที่บัญชี Foreign Currency Deposit (FCD) ที่เปิดที่ธนาคารพาณิชย์ไทยได้ โดยต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

ขณะที่ผลกระทบต่อผู้ลงทุน นอกจากเหตุการณ์ที่มีผู้แอบอ้างโอนเงิน/สินทรัพย์ดิจิทัลนั้น คือ ลูกค้าของ BX จะต้องรับโอนทรัพย์สินมาที่กระเป๋าอิเล็กทรอนิกส์ของตนเอง หรือศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Exchange) รายอื่น หรือสั่งขาย หรือหากลูกค้ามีเงินสดก็สามารถโอนออกไปยังบัญชีของตนเองได้ ทั้งนี้ บริษัทแจ้งว่า จะยังทำธุรกิจจนถึงสิ้นเดือนกันยายน โดยหลังจากนั้น จะยังเปิดให้ลูกค้าทำคำสั่งถอนทรัพย์สินได้ตามปกติ

ในการนี้ ก.ล.ต. ได้กำชับให้บริษัทดูแลทรัพย์สินของลูกค้า และดำเนินการตามความประสงค์ของลูกค้า ในการขอรับคืนทรัพย์สิน หรือโอนทรัพย์สิน ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และรายงานความคืบหน้าของการดำเนินการให้แก่ ก.ล.ต. ทราบเป็นระยะ และเมื่อบริษัทได้ทำการคืนทรัพย์สินให้ลูกค้าทั้งหมด หรือบริษัทสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีวิธีการดูแลหรือจัดการทรัพย์สินของลูกค้าที่เหลืออยู่อย่างเรียบร้อย บริษัทจึงจะสามารถเข้าสู่กระบวนการคืนใบอนุญาตต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ ทั้งนี้ ในระหว่างที่ยังไม่ได้มีการคืนใบอนุญาต ก.ล.ต. ยังมีอำนาจในการกำกับดูแลและสั่งการให้บริษัท ปฏิบัติตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ต่าง ๆ เพื่อให้ความคุ้มครองผู้ลงทุนอย่างเต็มที่

ก.ล.ต. ยังย้ำด้วยว่าผู้ลงทุนควรใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากอาจมีผู้ฉวยโอกาสนี้หลอกลวงให้ผู้ลงทุนหลงเชื่อว่าเป็นช่องทางของ BX ในการรับโอนเงินหรือสินทรัพย์ดิจิทัล จึงขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลและติดต่อที่เว็บไซต์ข้างต้นของ BX.in.th โดยตรงเท่านั้น หรือ "ศูนย์แนะนำช่วยเหลือผู้ลงทุนเฉพาะกิจ" ที่จัดตั้งโดย ก.ล.ต. เพื่อดูแลผู้ลงทุนที่เป็นลูกค้า BX โดยลูกค้าสามารถขอคำแนะนำได้ที่ Help Center ของ ก.ล.ต. หมายเลข 1207 กด 7 หรืออีเมล info@sec.or.th 24ชั่วโมง 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน 2562 เวลา 6.45 น. เป็นต้นไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ