GBS มอง SET ช่วงนี้แกว่ง Sideway กรอบ 1,660-1,690 จุด รับปัจจัย ตปท.กดดันแม้รัฐออกมาตรการกระตุ้นศก.หนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 11, 2019 11:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก (GBS) เปิดเผยว่า ภาพรวมการลงทุนในขณะนี้ ฝ่ายวิจัยฯมองว่าดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ยังคงแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ในกรอบดัชนี 1,660-1,690 จุด เนื่องจากยังคงถูกกดดันจากปัจจัยในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมประท้วงที่ฮ่องกงเพื่อกดดันให้ทางการทำตามข้อเรียกร้องที่เหลือ นอกจากนี้ยังมีการรายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของญี่ปุ่นในไตรมาส 2/62 ขยายตัว 1.3% ลดลงจากประมาณการเบื้องต้นที่ 1.8% แสดงถึงภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว

ขณะเดียวกันยังมีประเด็นที่น่าจับตา กรณีที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) กำหนดประชุมเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายวันที่ 12 ก.ย.นี้ รวมถึงปัจจัยที่จีนจะเปิดเผยการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ยอดปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวน สหภาพยุโรป (อียู) จะเปิดเผยดุลการค้าเดือน ก.ค.ในวันที่ 13 ก.ย.นี้ ประกอบกับ สหรัฐฯ จะเปิดเผยยอดค้าปลีก ราคานำเข้าและส่งออก ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้น และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ ในวันที่ 16 ก.ย.นี้ และปิดท้ายการประชุมนโนยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) วันที่ 17-18 ก.ย.นี้ ซึ่งประเด็นดังกล่าวจะเข้ามามีอิทธิพลต่อภาคการลงทุน

สำหรับปัจจัยในประเทศ ภายหลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 3.16 แสนล้านบาทไม่ว่าจะเป็นมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว การช่วยเหลือเกษตรกร การดูแลค่าครองชีพ การช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี แต่ละมาตรการจะค่อย ๆ ทยอยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือน ก.ย.เป็นต้นไป ส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจ เนื่องจากมีเม็ดเงินอัดฉีดกระจายลงไปในทุกๆ ภาคส่วน ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ จากมตราการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวของภาครัฐในครั้งนี้ ทั้งในส่วนของการใช้จ่ายในด้านอาหาร เครื่องดื่ม ค่าที่พักรวมถึงบริการต่าง ๆ ค่าซื้อสินค้าท้องถิ่น ค่าซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าประชารัฐ หรือค่าบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวในท้องถิ่นนั้น เช่น สปา การเช่าพาหนะ ค่าบริการนำเที่ยวในพื้นที่ทั่วประเทศ ถือเป็นการกระจายเม็ดเงินไปในระบบเศรษฐกิจของประเทศให้มีการจับจ่ายใช้สอยหมุนเวียนมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังปีนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ GDP เติบโตถึงระดับ 3% ตามเป้าหมายของรัฐบาล

ดังนั้น หากประเมินหุ้นที่ได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว "ชิม ช็อป ใช้" ดังกล่าว มองว่าหุ้น TNP ได้ประโยชน์สูงสุด เพราะเป็นประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ปัจจุบันมีสาขารวมทั้งสิ้น 25 สาขา ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และจังหวัดพะเยา รองลงมาเป็นหุ้น ASAP ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรถยนต์ให้เช่า ซึ่งจะช่วยให้มีการเช่ารถเพิ่มขึ้น ปัจจุบันมีรถรองรับให้บริการถึง 6,700 คัน

รวมถึงหุ้น SPA ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจด้านสปาเพื่อสุขภาพ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจสปา ที่มีการให้บริการในหลายระดับตั้งแต่ระดับ 2 ดาวไปถึง 5 ดาว ขณะที่ ERW มีโรงแรมหลายระดับราคารวมทั้งโรงแรมราคาประหยัดกระจายอยู่ทั่วประเทศ

นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า สำหรับการลงทุนในทองคำนั้น เห็นว่าราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหว Sideway ในกรอบ 1,500-1,535 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ หรือ 21,850-22,410 บาทก่อนที่เฟดจะมีการประชุมในสัปดาห์หน้าช่วงวันที่ 17-18 ก.ย.คาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 2.00% จะยังเป็นปัจจัยหนุนต่อราคาทองคำในระยะกลาง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ