BWHREIT คาดเสนอขาย IPO ช่วงกลางต.ค.นี้ พร้อมเตรียมขยายขนาดกองเป็น 2 หมื่นลบ.ภายในปี 64

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 11, 2019 12:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายรุ่งยศ จันทภาษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูเวล แอสเซท จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์อิสระ เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการจัดตั้งทรัสต์กองแรกเพื่อเป็นทางเลือกใหม่แก่นักลงทุนภายใต้ชื่อ ‘ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าบลูเวล ฮอสพิทอลลิตี้’ หรือ Blue Whale Hospitality Freehold and Leasehold Real Estate Investment Trust (BWHREIT) คาดว่าจะเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรกในช่วงกลางเดือน ต.ค.62

BWHREIT จะลงทุนครั้งแรกในกรรมสิทธิ์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรม 3 แห่ง ใน ภูเก็ต เกาะสมุย และเขาใหญ่ ซึ่งเป็นเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในประเทศไทย ได้แก่ 1.กรรมสิทธิ์ในที่ดิน อาคาร และสังหาริทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ล รีสอร์ท และสวนน้ำ สแปลช จังเกิ้ล หาดไม้ขาว จ.ภูเก็ต เนื้อที่ประมาณ 57 ไร่ เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว (Midscale) มีห้องพักจำนวน 455 ห้อง

2.การลงทุนในสิทธิการเช่าช่วงที่ดิน อาคาร และกรรมสิทธิ์ในสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโรงแรม หรรษา สมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา บนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี รวมเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ 2 งาน 9.5 ตารางวา เป็นระยะเวลา 20 ปี เป็นโรงแรมติดหาดระดับ 5 ดาว สไตล์ลักซูรี่ บริหารงานโดย บริษัท หรรษา กรุ๊ป มีห้องพักจำนวน 74 ห้อง อัตราเข้าพักเฉลี่ยในปี 61 อยู่ที่ 75%

และ 3.สิทธิการเช่าที่ดิน อาคาร และกรรมสิทธิ์ในสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมเดอะ กรีนเนอรี่ รีสอร์ท เขาใหญ่ และศูนย์ประชุม KYCC ในจ.นครราชสีมา เนื้อที่ประมาณ 22 ไร่ เป็นเวลา 30 ปี เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว (Midscale) มีห้องพัก 254 ห้อง และศูนย์ประชุมที่ใหญ่ที่สุดในเขาใหญ่รองรับผู้เข้าใช้บริการได้กว่า 5,000 คน บริหารงานโดย ซีนิคอล เวิร์ล อัตราเข้าพักเฉลี่ยในปี 61 อยู่ที่ 54%

สำหรับโรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ล และสวนน้ำ ได้รับการปรับปรุง เพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนแบรนด์ และการบริหารงานโดยกลุ่ม Langham Hospitality Group ผู้บริหารโรงแรมชั้นนำระดับสากล ซึ่งมีแบรนด์เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง มีเครือข่างที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย อัตราเข้าพักเฉลี่ยในปี 61 ก่อนที่โรงแรมจะได้รับการปรับปรุงและรีแบรนด์ อยู่ที่ 46%

นายรุ่งยศ กล่าวว่า จุดเด่นของกองทรัสต์ BWHREIT คือ การกระจายการลงทุนในโรงแรมทั้ง 3 แห่ง ในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่หลากหลาย จับกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวแตกต่างกัน สามารถลดความผันผวนของรายได้ในแต่ละฤดูกาล และสร้างความสมดุลให้กับพอร์ตการลงทุน โดยโรงแรมหรรษา สมุยจะเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติชาวยุโรปเป็นหลัก โรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ลและสวนน้ำ มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่มาท่องเที่ยวเป็นครอบครัว และ โรงแรมกรีนเนอรี่ เขาใหญ่ และศูนย์ประชุม เน้นตลาดไมซ์ที่เป็นกลุ่มลูกค้าคนไทยมาประชุมและสัมมนา

ขณะเดียวกันยังมีการผสมผสานการลงทุนในกรรมสิทธิ์ (Freehold) และสิทธิการเช่า (Leasehold) ที่เหมาะสมในสัดส่วน 57% และ 43% ตามลำดับ นอกจากนี้กองทรัสต์จะให้เช่าทรัพย์สิน ที่มีส่วนประกอบทั้งค่าเช่าคงที่ที่เพิ่มขึ้น 2% ต่อปี และค่าเช่าแปรผัน เพื่อให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์ได้รับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอจากผลการดำเนินงานของโรงแรม รวมถึงโอกาสเติบโตจากศักยภาพการสร้างผลกำไรในอนาคตอีกด้วย

"เรามองว่าธุรกิจโรงแรม ศูนย์ประชุมและสวนน้ำ จะได้รับผลดีจากภาพรวมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยที่ยังแข็งแกร่ง โดยประเทศไทยถือเป็นจุดหมายปลายทางและศูนย์กลางการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียนที่สำคัญ โดยปีที่ผ่านมาภาพรวมการท่องเที่ยวทำรายได้คิดเป็น 22.8% ของจีดีพีประเทศ และมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยรวมประมาณ 38 ล้านคน ส่วนปีนี้คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยจะเพิ่มขึ้นเป็น 41 ล้านคน"นายรุ่งยศ กล่าว

นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน BWHREITกล่าวว่า ในภาวะที่ตลาดหุ้นกำลังผันผวนทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ การลงทุนในทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ถือเป็นทางเลือกการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าหุ้น และมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำหรือพันธบัตรรัฐบาลกว่า 7% ถือเป็นเครื่องมือการลงทุนที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะนักลงทุนที่ต้องการรับผลตอบแทน ทั้งจากส่วนต่างของราคาหน่วยลงทุน (Capital Gain) และเงินปันผลที่สม่ำเสมอ

ทั้งนี้ ในส่วนของวงเงินลงทุนครั้งแรกในกองทรัสต์ BWHREIT จะมีมูลค่าสูงสุดไม่เกิน 4,420 ล้านบาท โดยจะมาจากการระดมทุนเสนอขายหน่วยทรัสต์จำนวนประมาณ 3,850 ล้านบาท และกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินไม่เกิน 771.5 ล้านบาท โดยกองทรัสต์ประมาณการอัตราผลตอบแทนที่จ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ในปีแรกอยู่ที่ประมาณ 8.50% ส่วนความคืบหน้าการจัดตั้งกองทรัสต์นั้น ปัจจุบันได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์แก่ประชาชนเป็นครั้งแรกและแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหน่วยทรัสต์ (Filing) เป็นที่เรียบร้อย โดยสำนักงาน ก.ล.ต. ได้พิจารณาและอนุมัติเบื้องต้น (นับ 1 Filing) แล้ว เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 62

กอง REIT ในตลาดปัจจุบันมีราคาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากซัพพลายน้อยกว่าดีมานด์ ทำให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนทั้งเงินปันผลและส่วนต่างราคา อีกทั้งยังมองว่าการมีกอง REIT อยู่ในพอร์ตการลงทุนเป็นทำให้เกิดความเสถียร ลดความผันผวน และกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ต และกองทรัสต์ BWHREIT จะเป็นหนึ่งในกองทรัสต์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดี ซึ่งให้ผลตอบแทนในปีแรกสูงถึง 8.50% ต่อปี สูงกว่าผลตอบแทนของกองรีทในตลาดที่เฉลี่ย 7% ต่อปี

นายรุ่งยศ ยังเปิดเผยอีกว่า บริษัทตั้งเป้าขยายขนาดมูลค่าสินทรัพย์ของกองรีท BWHREIT เพิ่มเป็น 2 หมื่นล้านบาทภายในปี 64 จากมูลค่าสินทรัพย์เริ่มต้นที่ 4.42 พันล้านบาท โดยเบื้องต้นในปี 63 บริษัทจะเข้าลงทุนในโรงแรมเพิ่มอีก 6 แห่งจากที่มีโรงแรมที่บริษัทพิจารณาอยู่ทั้งหมด 10 แห่ง และจะทำให้มูลค่าสินทรัพย์ของกองรีทเพิ่มเป็น 1 หมื่นล้านบาทในปี 63 และในปีต่อๆ ไปจะเข้าลงทุนไนโรงแรมในประเทศอีก 5-6 แห่ง ซึ่งปัจจุบันมีโรงแรมที่เข้ามาติดต่อบริษัททั้งหมด 60 แห่ง ใน 7 จังหวัดท่องเที่ยวหลัก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ