(เพิ่มเติม) "ดีบีเอส"ผนึกกำลังวางเป้าเพิ่มสินทรัพย์ภายใต้ธุรกิจบริหารความมั่งคั่งพุ่งเป็นเท่าตัวภายในปี 66

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 18, 2019 15:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารดีบีเอสประกาศการเป็นพันธมิตรระหว่างดีบีเอสไพรเวทแบงก์และบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ด้วยเป้าหมายเพิ่มสินทรัพย์ของธุรกิจบริหารความมั่งคั่งในประทศไทยจาก 4 พันล้านเหรียญดอลลาร์สิงคโปร์ หรือคิดเป็น 88,800 ล้านบาท เป็น 8 พันล้านเหรียญดอลลาร์สิงคโปร์ หรือ 177,000 ล้านบาทภายในปี 66 โดยมุ่งเน้นที่กลุ่มผู้ลงทุนรายใหญ่ (high-net-worth individuals) ในประเทศไทยที่กำลังเพิ่มจำนวนขึ้น และกำลังมองหาช่องทางในการกระจายการลงทุนและเข้าถึงโอกาสการลงทุนในตลาดต่างประเทศ

การร่วมเป็นพันมิตรนี้จะมอบการเข้าถึงบริการบริหารสินทรัพย์จากการลงทุนทั้งตลาดในไทยและต่งประเทศที่ครอบคลุมและไร้รอยต่อให้ลูกค้าไทย ซึ่งนับเป็นบริษัทแรกในประเทศไทยที่พร้อมให้บริการดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อตอบความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นธนาคารดีบีเอสยังตั้งป้าที่จะเพิ่มจำนวนผู้จัดการธุรกิจสัมพันธ์ในประเทศไทยเป็นเท่าตัวภายในปี 65

นางภัทธีร ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ผู้ลงทุนรายใหญ่ในประเทศไทยยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับการลงทุนในตลาดต่างประเทศ แต่แนวโน้มนี้เริ่มเปลี่ยนไป โดยเมื่อมีความมั่งคั่งมากขึ้นความต้องการบริการบริหารความมั่งคั่งที่ครอบคลุมและกลยุทธ์การลงทุนในระดับโลกก็มีมากขึ้นตาม ในปัจจุบันสิ่งที่ลูกค้าผู้ลงทุนรายใหญ่ต้องการคือ"บริการจากจุดเดียว"ที่สามารถให้คำปรึกษาที่นำเชื่อถือ ผลิตภัณฑ์และทางออกสำหรับการลงทุนเพื่อบริหารความมั่งคั่งรวมถึงการชื่อมโยงประสบการณ์ในตลาดในและต่างประเทศแบบไร้รอยต่อ ซึ่งนับเป็นช่องว่างที่ดีบีเอสสามารถเติมเต็มให้แก่ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านการร่วมเป็นพันธมิตรในครั้งนี้

ในการร่วมเป็นพันธมิตรนี้นำจุดแข็งที่สุดของทั้งสององค์กร คือ บริการธุรกรรมหลักทรัพย์ในประเทศที่ครอบคลุม กองทุน หลักรัพย์ หุ้นกู้ อนุพันธ์ และพันธบัตร การให้คำปรึกษาการลงทุนในตลาดไทยที่มีคุณภาพ ผนวกกับความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจบริหารสินทรัพย์ในระดับโลก เครือข่ายในภูมิภาคเอเชียที่แข็งแกร่ง ทางเลือกและแพลตฟอร์มในการบริหารสินทรัพย์ในตลาดต่างประเทศที่ครบถ้วน เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าผ่านทางผู้จัดการธุรกิจสัมพันธ์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลาง

นางภัทธีรา กล่าวว่า ประเทศไทยมีประชากรที่มีความมั่งคั่งมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยฐานผู้ลงทุนรายใหญ่เติบโตเป็นกว่า 120,000 ราย ในปี 61 คิดเป็นมูลค่าสินทรัพย์ที่ถือครองของผู้ลงทุนราว 160 ล้านบาท/คน หรือประมาณ 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็นสินทรัพย์ของผู้ลงทุนรายใหญ่ในประเทศไทยเติบโตเฉลี่ย 12.7% ต่อปี ตั้งแต่ปี 53-60 โดยสินทรัพย์ส่วนใหญ่ของผู้ลงทุนเหล่านี้อยู่ในรูปของธุรกิจครอบครัว ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทยและมีมูลค่า 80% ของจีดีพีประเทศ

จากการร่วมเป็นพันธมิตรนี้ธุรกิจครอบครัวในประเทศไทยจะได้ประโยชน์จากการทำงานร่วมกันภายในธนาคารดีบีเอสภายใต้คอนเซปต์ "One Bank" ซึ่งเหมาะกับบริการด้านนี้อย่างยิ่ง โดยตอบความต้องการของลูกค้าการบริหารความมั่งคั่ง ลูกค้ารายย่อย วาณิชธนกิจ และลูกค้าบรรษัทอย่างทั่วถึง

ทั้งนี้ ภายหลังจากมีการร่วมมือกัน คาดว่าจะสามารถดึงดูดฐานผู้ลงทุนรายใหญ่ในประเทศไทยเข้ามาใช้บริการดีบีเอสไพรเวทแบงก์เพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าไว้จำนวน 1,000 ราย จากปัจจุบันที่มีฐานผู้ลงทุนรายใหญ่ของ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ที่เข้าข่ายคุณสมบัติ ที่มีทรัพย์สินระดับ 10 ล้านดอลลาร์ขึ้นไปอยู่ประมาณ 100 ราย และยังตั้งเป้าเพิ่มสินทรัพย์ของธุรกิจบริหารความมั่นคั่งในประเทศไทยแตะ 177,000-200,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี จากปัจจุบันอยู่ที่ราว 100,000 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ มองว่าธุรกิจบริหารความมั่งคั่งในประเทศไทย ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก เนื่องจากปัจจุบันฐานผู้ลงทุนกว่า 90% ยังคงลงทุนอยู่เฉพาะในประเทศไทย ส่วนที่เหลือเป็นการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศและการลงทุนผ่านกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ (Foreign Investment Fund: FIF) ซึ่งการบริการไพรเวทแบงค์จะช่วยให้การลงทุนมีความหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนในต่างประเทศที่จะให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งค่าเฉลี่ยที่นักลงทุนทั่วไปต้องการควรอยู่ที่ระดับ 8-10% แต่การลงทุนในประเทศไทยปัจจุบันหาผลตอบแทนในระดับดังกล่าวได้ค่อนข้างยากแล้ว

"จุดแข็งของเราคือ การอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า โดยลูกค้าสามารถมาเปิดบัญชีกับทางบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) และจะสามารถเข้าถึงบริการของดีบีเอส ไพรเวทแบงค์ ในสิงคโปร์ได้ทุกผลิตภัณฑ์ โดยไม่ต้องไปเปิดบัญชีที่สิงคโปร์ รวมถึงสามารถทำธุรกรรมผ่านระบบดิจิทัลได้ทุกที่ทั้วโลก ซึ่งถือเป็นจุดแข็งที่แตกต่างจากค่ายอื่นๆ ส่วนอัตราค่าธรรมเนียมก็จะคิดตามผลิตภัณฑ์นั้นๆ"

ปัจจุบัน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) มีฐานลูกค้ารวมอยู่ที่ 20,000-30,000 บัญชี หรือคิดเป็นจำนวนผู้ลงทุนกว่า 10,000 ราย โดยมียอดบัญชีที่เคลื่อนไหวจำนวน 20% ของบัญชีรวม ซึ่งบริษัทฯ ก็มีแผนที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านความมั่งคั่งออกมาอย่างต่อเนื่อง เช่น wealth หรือ ผู้แนะนำการลงทุนด้านความมั่งคั่ง และแพลตฟอร์มที่จะสามารถเข้ามาลงทุนได้เฉลี่ยทุกเดือน

ด้านนายซิม เอส ลิม หัวหน้ากลุ่มงานบุคคลธนกิจและธนบดีธนกิจของธนาคารดีบีเอส กล่าวว่า การร่วมเป็นพันธมิตรครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในตลาดการบริหารความมั่งคั่งในประเทศไทย ซึ่งมีศักยภาพสูงเห็นได้จาก ความรู้ความเข้าใจขั้นสูงและการเปิดรับความคิดใหม่ๆด้านการลงทุนที่มีมากขึ้นในกลุ่มลูกค้าไทย การออกกฎระเบียบของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ส่งเสริมการลงทุนในตลาดต่างประเทศ

ขณะที่ธนาคารดีบีเอสให้บริการแก่ลูกค้าไทยมานานกว่าสองทศวรรษผ่าน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) เข้าใจความต้องการและความชอบเฉพาะตัวของลูกค้า ด้วยความเชี่ยวชาญ การเชื่อมโยงภายในภูมิภาคเอเชียที่แข็งแกร่ง ศักยภาพชั้นนำทางด้านดิจิตอล และชื่อเสียงในฐานะธนาคารที่ปลอดภัยที่สุดในเอเชีย และการได้รับการจัดอันดับเป็นธนาคารที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก มุ่งที่จะเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้สำหรับลูกค้าไทย โดยมอบโอกาสที่ดีที่สุดแบบไร้รอยต่อ และโซลูชั่นด้านการบริการความมั่งคั่งทั้งภายในและนอกประเทศแก่ลูกค้า


แท็ก สิงคโปร์   วิค  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ