(เพิ่มเติม) CSL คาดปี 51 รายได้โตไม่เกิน 10% -ลงทุนราว 100 ลบ.ยังรุกอินเตอร์เน็ต

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 22, 2008 14:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายอนัตน์ แก้วร่วมวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีเอส ล็อกซอินโฟ (CSL) คาดว่าในปี 51 รายได้จะเติบโตไม่เกิน 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2.6 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตของธุรกิจในเครือทั้งหมด ได้แก่ ธุรกิจให้บริการอินเตอร์เน็ต ธุรกิจสมุดหน้าเหลือง  ธุรกิจที่ให้บริการด้าน content ภายใต้บริษัท ชินนี่ ดอท คอม จำกัด และ บริษัท วัฏฏะ จำกัด ที่ทำธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ 
สำหรับงบลงทุนในปี 51 ใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท นำไปลงทุนอุปกรณ์ด้านอินเตอร์เน็ต 70-80 ล้านบาท และลงทุนในธุรกิจสมุดหน้าเหลือง 20-30 ล้านบาท
"รายได้ปี 51 คาดว่าจะโตเป็นตัวเลขหลักเดียว แต่จะโตมากกว่า3% อัตราการติบโตที่น้อยเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจ ประกอบกับกฎเกณฑ์อุตสาหกรรมโทรคมนาคมไม่เอื้ออำนวยทำธุรกิจ แต่ก็หวังว่าปีนี้ วัฎฎะ เริ่มมีเม็ดโฆษณาโตชึ้น และ ชินนี่ ดอท คอม จะเริ่มสร้างกำไรให้กับบริษัท" นายอนันต์ กล่าว
ปี 50 ทั้งบริษัท ชินนี่ ดอท คอม จำกัด และ บริษัท วัฏฏะ จำกัด มีผลขาดทุนรวมกว่า 8 ล้านบาท
นายอนันต์ กล่าวว่า ในปี 51 ธุรกิจของบริษัทยังมีรายได้หลักมาจากธุรกิจให้บริการอินเตอร์เน็ต(ISP)ยังคงมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าองค์กร และจะพัฒนาคุณภาพการให้บริการอินเตอร์เน็ต เพื่อเชื่อมต่อวงจรไปยังต่างประเทศ รวมถึงพัฒนาเทคโนโลยี wi-fi ที่ให้บริการกับกลุ่มลูกค้าองค์กร
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบริษัทจะได้ใบอนุญาตอินเตอร์เน็ต เกตเวย์จากคณะกรรมการกำกับกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.)มาแล้ว แต่บริษัทยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้ เพราะการลงทุนระบบเชื่อมต่อโครงข่ายกับผู้ประกอบการรายหลักอย่าง บมจ.กสท โทรคมนาคมค่อนข้างสูง ทำให้ต้นทุนการดำเนินงานสูงกว่าผู้ให้บริการรายเดิม บริษัทจึงขอรอให้มีคณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)เกิดขึ้นมาก่อน เพื่อเข้ามาดูแลการแข่งขันที่เป็นธรรม
ส่วนธุรกิจสมุดหน้าเหลือง บริษัทจะขยายไปให้ครอบคลุมหลายพื้นที่มากขึ้น ทั้งในกรุงเทพ สมุทรปราการ สงขลา ขลบุรี นครราชสีมา เป็นต้น และปรับปรุงให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนเมือง
นายอนันต์ กล่าวถึงโครงการซื้อหุ้นคืนจำนวน 22 ล้านบาท จำนวน 51.7 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 8.3% ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดแล้วนั้น หลังจากนี้บริษัทได้มี 2 แนวทางคือ อาจขายคืนในตลาดหลักทรัพย์หลังพ้นระยะเวลา silent period 6 เดือน หรือ ลดทุนตามสัดส่วนที่ซื้อคืน ซึ่งต้องรอมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อตัดสินใจดำเนินการดังกล่าว
"หุ้นที่ซื้อคืนร้อยละ 8.3 หากขายออกไปในตลาดหรือดำเนินการลดทุน ก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อหุ้นในตลาดมากนัก แต่จะทำอะไรเราก็ต้องขอมติผู้ถือหุ้นด้วย" นายอนันต์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ