JASIF เตรียมขึ้น XB 11 ต.ค.นี้ กำหนดอัตราส่วน 2.2 หน่วยเดิมต่อ 1 หน่วยใหม่ ราคาขาย 9 บาท/หน่วย

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 1, 2019 11:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพรชลิต พลอยกระจ่าง Deputy Managing Director, Head of Real Estate & Infrastructure Investment บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมบัวหลวง ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนฯ เปิดเผยว่า ปัจจุบันกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) อยู่ระหว่างดำเนินการเข้าลงทุนในกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานประเภททรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสง (Optical Fiber Cable) เพิ่มเติมครั้งที่ 1 และจัดหาผลประโยชน์จากทรัพย์สินที่ลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 จาก บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTTBB มูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 38,000 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงส่วนเพิ่ม) พร้อมกันนี้จะเพิ่มทุนจดทะเบียนกองทุนฯ รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 24,629 ล้านบาท และขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 18,160 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนส่วนหนึ่งในการซื้อกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินใหม่และใช้ชำระภาษีมูลค่าเพิ่มจากการเข้าซื้อทรัพย์สินครั้งนี้ หลังจากได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนฯ เป็นที่เรียบร้อย

ทั้งนี้ กองทุนฯ จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 ในทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสง จำนวนไม่เกิน 700,000 คอร์กิโลเมตร ซึ่งอยู่ในเส้นทางเพิ่มเติมจากทรัพย์สินที่กองทุนฯ ถือกรรมสิทธิ์ในปัจจุบัน โดยทรัพย์สินใหม่เป็นเส้นใยแก้วนำแสงที่สร้างขึ้นเฉลี่ยเพียง 1 – 3 ปี มีอายุการใช้งานที่ยาวนานเฉลี่ยประมาณ 35 ปี และจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 40 ปี หากมีการดูแลรักษาที่ดี โดยภายหลังเข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 จะส่งผลให้กองทุนฯ มีขนาดทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงเพิ่มขึ้นเป็นไม่เกิน 1,680,500 คอร์กิโลเมตร จากปัจจุบันอยู่ที่ 980,500 คอร์กิโลเมตร และครอบคลุมพื้นที่ 925 อำเภอ ใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ สามารถตอบสนองความต้องการการใช้บรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และเพิ่มโอกาสสร้างรายได้รวมถึงผลตอบแทนที่ดีขึ้นแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในระยะยาว

นายพรชลิต กล่าวต่อว่า แหล่งเงินทุนที่กองทุนฯ จะใช้ลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 จะมาจากการเพิ่มทุนจดทะเบียนของกองทุนฯ จำนวนไม่เกิน 24,629 ล้านบาท จากเดิมที่มีทุนจดทะเบียน 54,183.8 ล้านบาท จะเพิ่มเป็นไม่เกิน 78,812.8 ล้านบาท โดยการออกและเสนอขายหน่วยลงทุนใหม่ จำนวนไม่เกิน 2,500 ล้านหน่วย ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่มีรายชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุนตามสัดส่วนการถือหน่วยลงทุน และจะกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินอีกไม่เกิน 15,500 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนส่วนหนึ่งสำหรับซื้อกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินส่วนเพิ่ม และกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินในประเทศอีกไม่เกิน 2,660 ล้านบาท เพื่อชำระภาษีมูลค่าเพิ่มจากการซื้อกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินส่วนเพิ่มครั้งนี้

ขณะเดียวกัน บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) ทำข้อตกลงจะไม่โอนหน่วยลงทุน JASIF ที่จะมีผลให้สัดส่วนการถือหน่วยลงทุนต่ำกว่าที่กำหนดเพื่อให้ความมั่นใจแก่ผู้ถือหน่วยลงทุน (ขึ้นกับผลการจองซื้อของผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมในการเพิ่มทุนครั้งนี้) พร้อมกันนี้ TTTBB จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายการเคลื่อนย้ายและนำเส้นใยแก้วนำแสงลงใต้ดิน ที่กองทุนฯ เข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 อีกด้วย

นอกจากนี้ ภายหลังจากที่กองทุนเข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 เสร็จสิ้น กองทุนฯ มีสิทธิขยายอายุสัญญาเช่าหลักในทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงเดิม จำนวน 784,400 คอร์กิโลเมตร ที่มี TTTBB เป็นคู่สัญญา เป็นวันที่ 29 มกราคม 2575 จากเดิมจะสิ้นสุดสัญญาเช่า 22 กุมภาพันธ์ 2569 ทำให้กองทุนฯ มีความมั่นคงของกระแสรายได้จากค่าเช่าทรัพย์สินบางส่วนที่กองทุนฯ ลงทุนอยู่ในปัจจุบันได้ยาวนานขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่กองทุนฯ และผู้ถือหน่วยลงทุน

"TTTBB ซึ่งเป็นผู้เสนอขายกรรมสิทธิ์เส้นใยแก้วนำแสงและเป็นคู่สัญญาเช่ากลับทรัพย์สินจากกองทุนฯ ถือเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์รายใหญ่ของไทยภายใต้แบรนด์ 3BB ที่มีคุณภาพการให้บริการที่ดี จึงได้รับความนิยมจากผู้บริโภค และมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับต้นๆ ในธุรกิจด้านนี้ โดยมีความพร้อมด้านทีมผู้บริหารงานที่มีความเป็นมืออาชีพ และมีผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยนับจากปี 2558-2561 TTTBB มีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการเพิ่มขึ้นจาก 12,749 ล้านบาท เป็น 19,409 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยปีละ 15%" นายพรชลิต กล่าว

ทั้งนี้ ภายหลังกองทุนฯ เข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 จะทำให้ประมาณการเงินปันส่วนแบ่งกำไรต่อหน่วยลงทุน (Cash Distribution Per Unit หรือ DPU) สำหรับช่วงเวลา 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2563 ซึ่งจัดเตรียมโดยบริษัทจัดการและตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีที่ได้รับใบอนุญาต เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1.0387 บาทต่อหน่วย จากเดิมอยู่ที่ประมาณ 0.9924 บาทต่อหน่วย (บนสมมติฐานที่ออกหน่วยลงทุนใหม่ของกองทุนฯ จำนวน 2,500 ล้านหน่วย) ขณะที่นับจากจัดตั้งกองทุนฯ ได้จ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนแล้ว 18 ครั้ง รวมทั้งสิ้น 3.92 บาทต่อหน่วย

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า ในการเตรียมเสนอขายหน่วยลงทุนใหม่ของกองทุนฯ จำนวนไม่เกิน 2,500 ล้านหน่วย เพื่อเข้าลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินเพิ่มเติมครั้งที่ 1 กองทุนฯ จะขึ้นเครื่องหมาย XB (Exclude Other Benefit) ในวันที่ 11 ตุลาคมนี้ ซึ่งผู้ที่ต้องการได้รับสิทธิจองซื้อหน่วยลงทุนใหม่ จะต้องถือหน่วยลงทุนเดิม ณ สิ้นวันที่ 10 ตุลาคมนี้ และจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่มีสิทธิจองซื้อหน่วยลงทุนใหม่ (Record Date) ในวันที่ 15 ตุลาคม 2562 ขณะเดียวกัน ได้กำหนดอัตราส่วนใช้สิทธิจองซื้อ แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่มีสิทธิจองซื้อตามที่ปรากฏรายชื่อสมุดทะเบียน ในอัตรา 2.2 หน่วยลงทุนเดิม ต่อ 1 หน่วยลงทุนใหม่ และราคาเสนอขายที่ 9 บาทต่อหน่วย ซึ่งวันจองซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มทุน คือวันที่ 7 – 13 พฤศจิกายน 2562

การเข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 จะทำให้กองทุนฯ มีขนาดทรัพย์สินและมูลค่าตลาดที่เพิ่มขึ้น จากการขยายโครงข่ายเส้นใยแก้วนำแสงที่มีพื้นที่ให้บริการเพิ่มเติมได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ในประเทศไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และการพัฒนาโครงข่ายระบบ 5G ในอนาคตที่จะส่งผลดีต่อการขยายตัวของธุรกิจการสื่อสารและโทรคมนาคม

จึงเป็นโอกาสที่ดีของผู้ถือหน่วยเดิมที่จะลงทุนเพิ่ม เพื่อรับโอกาสรับผลตอบแทนเพิ่มขึ้นจากการเช่าระยะยาวของกลุ่มผู้เช่าหลักอย่าง TTTBB ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์รายใหญ่ของไทย นอกจากนี้ ยังมีการนำทรัพย์สินส่วนที่เหลือไปจัดหาผลประโยชน์เพิ่มเติมจากผู้ประกอบรายอื่น และในระหว่างการหาผู้เช่าทรัพย์สินส่วนเพิ่มทุนใหม่นี้ TTTBB ยังรับประกันรายได้ค่าเช่าให้แก่กองทุนฯ อีกด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ