PF มองตลาดคอนโดฯปีนี้หดตัว 25% รับผล LTV-ศก.โลกชะลอตัว พร้อมปรับแผนลดเร่งลดสต็อก-เปิดคอนโดฯเหลือ 1-2 แห่งปี 63

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 1, 2019 18:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) เปิดเผยว่า ตลาดคอนโดมิเนียมในปีนี้น่าจะหดตัวลงถึง 25% หลังช่วงไตรมาส 2/62 ติดลบ 30% และยังไม่มีแนวโน้มฟื้นตัวในเร็ววันนี้ เนื่องจากยังคงได้รับผลกระทบจากมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ตลาดชะลอตัวลง และลูกค้ากลุ่มนักลงทุนได้หายไปจากตลาดค่อนข้างมาก ขณะที่ลูกค้ากลุ่มที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงก็ชะลอการตัดสินใจซื้อด้วยเช่นกัน ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และความไม่แน่นอนของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ส่งผลกระทบต่อกลุ่มลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักที่เข้ามาซื้อคอนโดมิเนียมในประเทศไทยมาก

ทั้งนี้ บริษัทปรับแผนการเปิดคอนโดมิเนียมลดลง โดยไม่เร่งการเปิดโครงการมาก พร้อมกับการปรับรูปแบบการเปิดเป็นลักษณะส่วนต่อขยายในทำเลเดียวกัน หรือการเปิดเป็นเฟสแทนการเปิดโครงการในทำเลใหม่ สำหรับในปี 63 วางเป้าหมายจะเปิดคอนโดมิเนียมใหม่เพียง 1-2 โครงการ ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายจากโครงการเดิม เช่น โครงการคอนโดมิเนียมอยู่รวยคอนโด เฟส 2 เป็นต้น ขณะที่ในปีนี้บริษัทเปิดโครงการคอนโดมิเนียมเพียง 1 โครงการ คือ โครงการคอนโดมิเนียมอยู่รวยคอนโด

พร้อมกันนี้บริษัทยังหันมาเน้นการระบายสต็อกของโครงการคอนโดมิเนียม เพื่อสร้างรายได้กลับมา โดยปัจจุบันมีสต็อกพร้อมโอนจำนวน 10 โครงการ มูลค่ารวม 6 พันล้านบาท โดยวางเป้าจะทยอยลดสต็อกให้เหลือ 4.5 พันล้านบาทในไตรมาส 4/62 และเหลือ 3 พันล้านบาทในปี 63 โดยการออกแคมเปญทั้งการออกค่าใช้จ่ายการโอนให้ การให้ส่วนลด และการให้แพ็กเกจทัวร์ฮอกไกโด ผ่านแคมเปญ Condo of The year จองคอนโด โกเจแปน เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายและยอดโอนให้กับบริษัทในช่วงไตรมาส 4/62

นายวงศกรณ์ กล่าวว่า ส่วนตลาดแนวราบนั้นการขายยังเป็นไปได้อย่างดี เพราะมีความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงของลูกค้า และตลาดทาวน์เฮาส์ ก็ยังเป็นหนึ่งตัวเลือกสำหรับลูกค้าที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยมากกว่าคอนโดมิเนียม และอยู่ในทำเลที่ไม่ห่างจากรถไฟฟ้ามาก ส่วนปัจจัยของ LTV ไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดแนวราบมากนัก เพราะกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าเพื่อซื้ออยู่อาศัยจริง โดยไม่มีกลุ่มลูกค้าเก็งกำไร ทำให้คาดว่าตลาดแนวราบน่าจะยังขยายตัวได้ 3-5% ในปีนี้ ดังนั้น บริษัทหันมาเน้นการขายและเปิดโครงการแนวราบแทนการเปิดโครงการคอนโดมิเนียม และจะกระจายการเปิดโครงการแนวราบในทุกกลุ่มลูกค้า

สำหรับทำเลของโครงการแนวราบที่ลูกค้าให้ความสนใจอย่างมาก คือ ทำเลย่านกรุงเทพกรีฑา บริเวณถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า ที่เริ่มเห็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เข้าไปพัฒนาโครงการหลายราย เพราะทำเลดังกล่าวมีสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ ๆ เกิดขึ้นที่เหมาะแก่การอยู่อาศัย นอกจากนี้ยังมีถนนเชื่อมต่อเข้าสู่ใจกลางเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิได้อย่างสะดวก จึงเป็นทำเลที่มีศักยภาพเติบโตได้อีกมาก

ทั้งนี้ บริษัทได้ลงทุนซื้อที่ดินในทำเลดังกล่าวตั้งแต่ปี 54 จำนวนกว่า 400 ไร่ มูลค่าราว 1 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันพัฒนาเป็นโครงการแนวราบไปแล้ว 200 ไร่ และยังมีที่ดินเปล่าเหลืออีก 200 ไร่ ซึ่งจะรองรับการพัฒนาโครงการในช่วง 3-4 ปีข้างหน้า ขณะที่ราคาที่ดินในย่านกรุงเทพกรีฑา ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีราคาขายที่ดินในปัจจุบันเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 25-50 ล้านบาท/ไร่ จากเมื่อ 7-8 ปีก่อนอยู่ที่ 4 ล้านบาท/ไร่


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ