ALL ชู 5 โครงการในสต็อกพร้อมโอนรับมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ เชื่อดันรายได้ปีนี้โตมากกว่าเท่าตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 24, 2019 11:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ (ALL) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดจะได้รับอานิสงส์จากการที่ภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งนับเป็นข่าวดีของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงโค้งสุดท้าย และจะเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส 4/62 กลับมาคึกคักอีกครั้ง ขณะที่ปัจจุบันบริษัทฯ มีสินค้าที่เริ่มโอนกรรมสิทธิ์และจะโอนกรรมสิทธิ์ในปีนี้ (สต็อก) จำนวน 5 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 4,800 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยผลักดันรายได้รวมในปี 2562 เติบโตมากกว่าเท่าตัวจากปีก่อน

ทั้งนี้ รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการปรับลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนจากเดิม 2% เหลือ 0.01% และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ จากเดิม 1% เหลือ 0.01% เฉพาะการซื้อขายที่อยู่อาศัยที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุด ในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อหน่วย และการจดทะเบียนการโอน และการจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยต้องดำเนินการในคราวเดียวกัน โดยมีระยะเวลานับตั้งแต่วันที่ประกาศกระทรวงมหาดไทย มีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 24 ธันวาคม 2563

โดยมาตรการดังกล่าว จะเป็นมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ต่อเนื่องจากมาตรการเดิมที่สรรพากรได้ประกาศลดหย่อนภาษีให้กับผู้ซื้อบ้าน และคอนโดมิเนียมสูงสุด 200,000 บาท สำหรับโครงการที่มีมูลค่าไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อยูนิต โดยต้องโอนกรรมสิทธิ์ให้เสร็จสิ้นภายในเดือนธันวาคม 2562

"มาตรการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นการตัดสินใจของกลุ่มผู้ต้องการซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยอย่างแท้จริงได้ ซึ่งการปรับลดค่าโอนกรรมสิทธิ์ และค่าจดจำนอง เหลือ 0.01% จะช่วยให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันผู้ประกอบการเอง ก็จะต้องมีการจัดปรับโปรโมชั่นต่างๆ ให้สอดคล้องกับมาตรการดังกล่าว เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้าให้เร็วขึ้น ในขณะที่ผู้ประกอบการที่มีสินค้าพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ในมือ จะได้เปรียบจากมาตรการดังกล่าว เนื่องจากลูกค้าโดยส่วนใหญ่จะต้องมองหาที่อยู่อาศัยที่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ทันที หลังตัดสินใจซื้อ จึงจะได้รับสิทธิ์จากมาตรการดังกล่าว"นายธนากร กล่าว

สำหรับโครงการของบริษัทฯ ที่เริ่มโอนกรรมสิทธิ์และจะโอนกรรมสิทธิ์ในปีนี้ ได้แก่ โครงการ ดิ เอ็กเซล ไฮด์อะเวย์ สุขุมวิท 50 (The Excel Hideaway Sukhumvit 50) ปัจจุบันมีสต็อกพร้อมโอนมูลค่ารวม 1,900 ล้านบาท, โครงการ ดิ เอ็กเซล ไฮด์อะเวย์ สุขุมวิท 71 (The Excel Hideaway Sukhumvit 71) ปัจจุบันมีสต็อกพร้อมโอนมูลค่ารวม 1,600 ล้านบาท, โครงการ ดิ เอ็กเซล คูคต (The Excel Khukhot) ปัจจุบันมีสต็อกพร้อมโอนมูลค่ารวม 50 ล้านบาท

โครงการ ไรส์ พระราม 9 (Rise Rama 9) ปัจจุบันมีสต็อกพร้อมโอนมูลค่ารวม 200 ล้านบาท และโครงการ เดอะ วิชั่น ลาดพร้าว - นวมินทร์ (The Vision Ladprao - Nawamin) ปัจจุบันมีสต็อกพร้อมโอนมูลค่ารวม 1,050 ล้านบาท ซึ่งทุกโครงการมีระดับราคาขายตั้งแต่ 1.5 - 3 ล้านบาทต่อยูนิต สอดคล้องกับมาตรการดังกล่าวที่จะช่วยลดค่าโอน-ค่าจดจำนองที่มีราคาขายไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อยูนิต

นายธนากร คาดว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยผลักดันผลประกอบการของบริษัทให้เติบโตมากกว่าเท่าตัว หรือทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,342.97 ล้านบาท และในช่วงครึ่งแรกปีนี้มีรายได้รวมแล้ว 1,691.94 ล้านบาท ขณะที่แนวโน้มรายได้รวมในช่วง 9 เดือนแรก เติบโตในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังมีความพยายามรักษาอัตราส่วนกำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ให้อยู่ในระดับ 36 - 37%

ล่าสุด บริษัทฯ มียอดขายรอโอน (Backlog) รวมมูลค่ากว่า 11,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 3 - 4 ปีข้างหน้า ทำให้บริษัทมั่นใจผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีจากนี้ (ปี 63-65) จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการทยอยรับรู้ Backlog ดังกล่าว นอกจากนี้ในช่วงที่เหลือของปีบริษัทยังมีแผนการเปิดขายโครงการใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากแผนการเตรียมเปิดโครงการดังกล่าว จะช่วยหนุนยอดขาย (Presales) ในปี 62 มีโอกาสเติบโตสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ช่วงต้นปีที่ระดับ 7,000 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ