(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งแคบ ลุ้นดีดตัวระหว่างวัน หลังราคาน้ำมันขึ้นหนุนกลุ่มพลังงาน-ต่างชาติซื้อสุทธิประคองตลาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 25, 2019 09:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า แนวโน้มการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยเช้านี้จะแกว่งตัวในกรอบแคบ แต่มีโอกาสดีดตัวขึ้นได้ระหว่างวัน จากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นต่อเนื่องในช่วงนี้ น่าจะช่วยผลักดันการลงทุนหุ้นกลุ่มพลังงานให้สามารถประคองตลาดได้ รวมถึงการกลับมาซื้อของนักลงทุนต่างชาติกว่า 2.8 พันล้านบาทเมื่อวานนี้ ก็จะเป็นส่วนช่วยให้ตลาดมี Downside ที่จำกัด แม้ว่าสถาบันในประเทศจะยังคงมีแรงขายออกมามากก็ตาม

นอกจากนี้ยังคาดว่าแรงขายหุ้นกลุ่มแบงก์ที่ออกมามากเมื่อวานนี้ หลังจากที่ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยเป้าหมายทางการเงินปี 63 ที่ยังมีแนวโน้มอ่อนแอนั้น แม้เชื่อว่าแรงขายอาจยังมีต่อเนื่องแต่จะไม่มากเหมือนวานนี้ ทำให้ภาพกลุ่มแบงก์น่าจะยังเป็นลักษณะซึมตัวลงอยู่ แต่มี Downside ที่ลดลงในระยะสั้น

ขณะที่ภาพรวมการลงทุนจะยังคงเป็นการเลือกลงทุนรายกลุ่ม หรือรายตัว อย่างเมื่อวานนี้นอกจากแรงซื้อหุ้นในกลุ่มไฟฟ้าแล้ว ก็ยังมีแรงซื้อกลุ่มโรงพยาบาล และกลุ่มเช่าซื้อเข้ามาด้วย แต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อภาพรวมของดัชนีมากนัก แต่หากวันนี้หุ้นกลุ่มพลังงานขยับขึ้นมาด้วยก็น่าจะช่วยประคองตลาดได้ดี

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังรอดูปัจจัยจากต่างประเทศต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงนี้เป็นฤดูการประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/62 ของทั้งในยุโรปและสหรัฐ รวมถึงยังต้องติดตามความคืบหน้าการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า ส่วนการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) เมื่อวานนี้ก็คงอัตราดอกเบี้ย พร้อมกับย้ำจะรื้อฟื้นโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในเดือนพ.ย.

พร้อมให้แนวรับที่ 1,615 และ 1,607 จุด ส่วนแนวต้าน อยู่ที่ 1,630 และ 1,633 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (24 ต.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,805.53 จุด ลดลง 28.42 จุด (-0.11%) ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,010.29 จุด เพิ่มขึ้น 5.77 จุด (+0.19%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,185.80 จุด เพิ่มขึ้น 66.00 จุด (+0.81%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 2.64 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.45 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 2.31 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 16.50 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 5.50 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 6.01 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.81 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (24 ต.ค.62) 1,620.97 จุด ลดลง 10.49 จุด (-0.64%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,817.22 ล้านบาท เมื่อวันที่ 24 ต.ค.62
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (24 ต.ค.62) ปิดที่ 56.23 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 26 เซนต์ หรือ 0.5%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (24 ต.ค.) อยู่ที่ 2.79 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 30.26 แนวโน้มแกว่งกรอบแคบ รอความชัดเจน Brexit-นลท.จับตาประชุมเฟดสัปดาห์หน้า
  • "ซีพี" ลงนาม รฟท.ดันรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน "ศุภชัย" ยอมรับงานหิน-เสี่ยง อุบแหล่งเงินทุน หวั่นขาดทุนต้องควักมากกว่า 1 แสนล้านบาท มั่นใจเริ่มก่อสร้างใน 12 เดือน เสร็จตามกำหนด 5 ปี จ่อระดมทุนตลาดหลักทรัพย์ ลดหุ้นเหลือแค่ 40% เล็งลงทุน 1.4 แสนล้านพัฒนา "มักกะสัน"
  • "บัณฑูร"มองเศรษฐกิจปีหน้าเผชิญความท้าทายรอบด้าน ทั้งสงครามการค้าและเงินบาทที่แข็งค่า ฉุดส่งออกติดลบต่อเนื่อง 2% ด้านฝ่ายวิจัยกสิกรชี้แนวโน้มเงินบาทแข็งค่าลากยาวถึงปีหน้า หลุดระดับ 30 บาทต่อดอลลาร์ หรืออยู่ที่ 29.20-29.30 บาทต่อดอลลาร์ จากดุลบัญชีเดินสะพัดที่อยู่ในระดับสูงหนุนเงินทุนไหลเข้าพันธบัตรไทย
  • "เวิลด์แบงก์" ปรับอันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจของไทย ขยับขึ้น 6 อันดับ จากอันดับ 27 เป็น 21 สูงสุดในรอบ 6 ปี "อุตตม" ชี้ช่วยสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศได้มากขึ้น ด้าน "สมคิด" วางเป้าหมายต่อไป ไทยต้องเป็น 1 ใน 20 ประเทศของโลกที่มีคะแนนสูงที่สุด
  • "บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท" คาดลูกหนี้เข้าโครงการคลินิกแก้หนี้เพิ่มขึ้น หลังธปท. ปรับเกณฑ์เปิดทางลูกหนี้ที่เป็น เอ็นพีแอลกับสถาบันการเงิน 1 แห่ง เข้าร่วมได้ จากเดิมต้องเป็นลูกหนี้ 2 แห่งขึ้นไป คาดสิ้นปีสามารถปรับโครงสร้างหนี้ 7 พันคนตามเป้า
  • โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิประจำปี งบประมาณ 62 (ต.ค. 61-ก.ย. 62) มีจำนวนทั้งสิ้น 2.56 ล้านล้านบาท สูงกว่าปีก่อนประมาณ 26,100 ล้านบาท หรือสูงกว่า 1% และถือว่าจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 13,000 ล้านบาท หรือ 0.5%

*หุ้นเด่นวันนี้

  • SPALI (เคจีไอฯ) ให้เป้าหมายพื้นฐาน 23.4 บาท ประเมินรับอานิสงส์นโยบายภาครัฐฯ กรณีลดค่าธรรมเนียมการโอน-จดจำนองบ้านมูลค่าไม่เกิน 3 ล้านบาทให้เหลือ 0.01% ช่วยระบายสต๊อกบ้าน อีกทั้ง Valuation ถูก forward PE 6.3 เท่า Dividend yield 6% คาดมีโอกาสรีบาวด์ หากสถานการณ์อุตสาหกรรมฯ ดีขึ้น ส่วนทางเทคนิค ประเมินแนวรับ 17.4 บาท แนวต้านแรก 18.0 - 18.2 บาท หากผ่านแนวต้านดังกล่าวได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 18.6 บาท (Stop loss 17 บาท)
  • BCH (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะนำ"ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมายที่ 22 บาท โดยราคาหุ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 4 เดือนพร้อมวอลุ่มเพิ่มขึ้นชัดเจน สอดคล้องกับกำไร 3Q62 ที่คาดว่าจะทำ new high 396 ล้านบาท +51% Q-Q, +11% Y-Y ส่วนแนวโน้ม 4Q62 แข็งแกร่งต่อหลังโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รามคำแหง เปิดบริการครบ 1 ปี เริ่มคุ้มทุนแล้ว และศูนย์ใหม่ IVF ของ WMC จะหนุนการเติบโตในระยะถัดไป ขณะที่ยังคงคาดกำไรปีนี้ +14% Y-Y เป็น 1,240 ล้านบาท ปีหน้า +12% Y-Y และมีลุ้นได้ปรับเพิ่มค่าหัวประกันสังคม หลังสมาคมโรงพยาบาลเอกชนขอปรับขึ้นเฉลี่ย 12%
  • KKP (คิงส์ฟอร์ด) แนะ"ทยอยซื้อ"ให้ราคาเป้าหมาย 70 บาท คาดกำไร 4Q62 ที่ 1.48 พันล้านบาท เติบโต +4%YoY, -8%QoQ จากการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้ GPSC และ AWC และกำไรจาก Equity, Derivative Trading มีแนวโน้มดีขึ้น โดยธนาคารยืนยันมีสำรองพร้อมเข้าสู่เกณฑ์ TFRS9 สำหรับปี 63 จะเน้นขยายสินเชื่อ used car ที่ให้ yield สูงเพิ่มขึ้นและขยายธุรกิจ Wealth Management ต่อเนื่อง ฝ่ายวิจัยคงคาดการณ์กำไรปี 62 ที่ 5.8 พันล้านบาท -4%YoY คาดปันผลที่ 5.00 บาท คิดเป็น dividend yield 7.6%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ