SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,603.16 จุด ลดลง 17.81 จุด (-1.10%) มูลค่าการซื้อขาย 37,477.56 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผย ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงต่อเนื่องจากวานนี้รับ Sentiment เชิงลบต่างประเทศ กังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัวจากผลลสงครามการค้า รวมถึง Brexit ทำให้นักลงทุนเกรงว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนจะอ่อนแอ หลังจากกลุ่มแบงก์ประกาศงบไตรมาส 3/62 ไม่ดีกดดันให้มีแรงขายหุ้นกลุ่มแบงก์ต่อเนื่อง รวมถึงหุ้น SCC และ PTTEP ที่จะประกาศงบสัปดาห์หน้า ประกอบกับยังไร้ปัจจัยเชิงบวกเข้ามาชี้นำตลาด ดัชนีหลุดระดับ 1,610 จุดลงมาทำให้ภาพตลาดไม่สดใส พร้อมมองแนวรับถัดไป 1,600 จุด และแนวต้าน 1,620 จุด
ตลาดหลักทรัพย์ฯปิดช่วงเช้านี้ที่ระดับ 1,603.16 จุด ลดลง 17.81 จุด (-1.10%) มูลค่าการซื้อขาย 37,477.56 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวส่วนใหญ่ในแดนลบ โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,622.66 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,600.94 จุด
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยขยับขึ้นได้เล็กน้อยในช่วงเช้า ก่อนที่จะกลับมาเคลื่อนไหวในแดนลบ จาก Sentiment ภูมิภาคที่ยังเป็น Negative มากกว่า Positive โดยเฉพาะจากความกังวลสงครามการค้า รวมถึงกรณีการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ที่จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะกดดันผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) หลังจากผลประกอบการไตรมาส 3/62 กลุ่มแบงก์ออกมาก็ยังมีภาพไม่ดีนัก ซึ่งเป็น Sentiment ที่ทำให้มีแรงขายหุ้นกลุ่มแบงก์ออกมามาก
ในสัปดาห์หน้า บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) และ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) จะประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/62 เบื้องต้นยังมีทิศทางที่ไม่ดีนัก โดย SCC ได้รับผลกระทบจากธุรกิจปิโตรเคมีอ่อนแอ ส่วน PTTEP รับผลกระทบราคาน้ำมันอ่อนตัวขณะที่ต้นทุนเพิ่มขึ้น ทำให้ผลประกอบการอาจจะไม่โดดเด่น ส่งผลให้มีแรงขายออกมาในวันนี้
ทั้งนี้ จากความกังวลดังกล่าวทำให้นักลงทุนบางส่วนยังรอดูปัจจัยความชัดเจนที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า ทั้งในส่วนของ Brexit ,การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ประกอบกับ ยังไม่มีปัจจัยบวกที่ชี้นำให้ตลาดฟื้นตัวขึ้นได้ในช่วงสั้น โดยดัชนีที่หลุดระดับ 1,610 จุดลงมา ทำให้ภาพตลาดช่วงบ่ายยังไม่ดีนัก โดยมองแนวรับถัดไปที่บริเวณ 1,600 จุด และแนวต้านที่ 1,620 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
GPSC มูลค่าการซื้อขาย 3,024.62 ล้านบาท ปิดที่ 91.50 บาท ลดลง 1.50 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,873.58 ล้านบาท ปิดที่ 137.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
GULF มูลค่าการซื้อขาย 1,658.65 ล้านบาท ปิดที่ 174.00 บาท ลดลง 2.50 บาท
SCC มูลค่าการซื้อขาย 1,570.78 ล้านบาท ปิดที่ 355.00 บาท ลดลง 10.00 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,210.99 ล้านบาท ปิดที่ 109.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท