ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,591.21 จุด ลดลง 5.27 จุด (-0.33%) มูลค่าการซื้อขาย 57,421.11 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดช่วงเช้า ก่อนจะมาติดลบเป็นส่วนใหญ่ในการเทรดภาคบ่าย โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,605.45 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,588.82 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 649 หลักทรัพย์ ลดลง 945 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 405 หลักทรัพย์
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายนี้รับแรงปรับพอร์ตค่อนข้างหนาแน่น โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ถูกขายออกมาหลังราคาหุ้นปรับขึ้นไปมากแล้ว และต้องการจะรอดูผลประกอบการก่อน จึงไปกดดันให้เกิดการปรับพอร์ต และฉุดตลาดฯในวันนี้ ส่วนภาพรวมผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 3/62 ที่ออกมาแล้วก็ยังไม่ดีเท่าไร
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ ขณะที่ตลาดในยุโรปจะติดลบเล็กน้อยในการเทรดบ่ายนี้ ซึ่งมองว่าตลาดฯได้ตอบรับสหภาพยุโรป (อียู) ได้เลื่อนเส้นตายการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ออกไปเป็น 31 ม.ค.63 ไปเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะประชุม 29-30 ต.ค.นี้ ซึ่งตลาดฯคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย และให้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 6 พ.ย. ซึ่งตลาดก็คาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน อีกทั้งให้รอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในสัปดาห์นี้ ทั้งตัวเลข PMI ภาคการผลิตของจีน และตัวเลข GDP งวดไตรมาส 3/62 ของสหรัฐฯ ที่จะประกาศเป็นครั้งแรก
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ นายศราวุธ กล่าวว่า ตลาดฯคงจะซึม ๆ โดยมีแนวรับ 1,580 จุด ส่วนแนวต้าน 1,604 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
GPSC มูลค่าการซื้อขาย 5,522.64 ล้านบาท ปิดที่ 84.25 บาท ลดลง 7.50 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,853.15 ล้านบาท ปิดที่ 131.00 บาท ลดลง 5.00 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,320.97 ล้านบาท ปิดที่ 78.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,191.58 ล้านบาท ปิดที่ 77.75 บาท ลดลง 1.25 บาท
GULF มูลค่าการซื้อขาย 1,961.69 ล้านบาท ปิดที่ 164.50 บาท ลดลง 5.00 บาท