ตลาดหลักทรัพย์ฯปิดช่วงเช้านี้ที่ระดับ 1,596.68 จุด เพิ่มขึ้น 5.47 จุด (+0.34%) มูลค่าการซื้อขาย 29,159.50 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,597.85 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,589.48 จุด
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้เป็นลักษณะของการวนกลุ่มเล่น โดยมีแรงขายจากหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า แล้วโยกเข้ามาลงทุนหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมี และกลุ่มแบงก์ เนื่องจากทั้งสองกลุ่มนี้ยัง underperform อยู่ ซึ่งมองว่าเป็นผลจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) ของสหรัฐฯ ได้เร่งตัวขึ้นมา ทำให้มีการขายหุ้นจำพวก Defensive ออกมาแล้วเข้ามาที่หุ้น Global plays แทน จากความคาดหวังผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ตลาดฯคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมวันที่ 29-30 ต.ค.นี้ และคาดหวังเห็นความคืบหน้าในทางที่ดีจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียช่วงเช้าที่ผ่านมาต่างติดลบกัน หลังจากที่มีรายงานข่าวออกมาว่าจะยังไม่มีข้อสรุปเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ก่อนการประชุมกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ในเดือนหน้า แต่ในเวลาต่อมาตลาดภูมิภาคบางตลาดก็เริ่มฟื้นตัวขึ้นได้บ้าง แต่ทิศทางตลาดฯก็ยังเป็นลักษณะแกว่งแคบเพื่อรอผลประชุมเฟด
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายณัฐพล กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งแคบ โดยยังได้รับแรงกดดันจากหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า แต่ก็คาดว่าจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาบ้าง พร้อมให้แนวรับ 1,587 จุด ส่วนแนวต้าน 1,595 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
GPSC มูลค่าการซื้อขาย 2,784.41 ล้านบาท ปิดที่ 83.50 บาท ลดลง 0.75 บาท
EA มูลค่าการซื้อขาย 2,457.31 ล้านบาท ปิดที่ 43.00 บาท ลดลง 2.50 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,423.03 ล้านบาท ปิดที่ 134.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
GULF มูลค่าการซื้อขาย 1,080.33 ล้านบาท ปิดที่ 161.00 บาท ลดลง 3.50 บาท
BGRIM มูลค่าการซื้อขาย 1,012.08 ล้านบาท ปิดที่ 46.75 บาท ลดลง 2.00 บาท