นางสาวนฤมล ตันตยาวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ เรียล เอสเตท แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ WHART เปิดเผยว่าจะเปิดให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมจองซื้อหน่วยทรัสต์ WHART จากการเพิ่มทุนครั้งที่ 4 จำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 323.78 ล้านหน่วย ให้ผู้ถือหน่วยเดิมจองซื้อ ระหว่างวันที่ 12-15 และ 18 พ.ย.62 และสำหรับประชาชนทั่วไป ได้แก่ บุคคลตามดุลพินิจของผู้จัดการการจัดจำหน่ายและผู้จัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ จะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 19 - 22 และ 25 พ.ย. 62 โดยกำหนดราคาเสนอขายหน่วยทรัสต์ ที่ 16.70 บาทต่อหน่วย เท่ากันทั้งผู้ถือหน่วยเดิมและผู้ลงทุนใหม่
การเพิ่มทุนครั้งที่ 4 นี้เพื่อลงทุนในทรัพย์สิน เพิ่มเติมครั้งที่ 5 ของกองทรัสต์ WHART นั้น จะเป็นการลงทุนในทรัพย์สิน มูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 4,880.25 ล้านบาท รวมจำนวน 5 โครงการ แบ่งเป็นการลงทุนในกรรมสิทธิ์ 3 โครงการ และการลงทุนสิทธิการเช่า/สิทธิการเช่าช่วงจำนวน 2 โครงการ ซึ่งจะมีพื้นที่เช่าอาคารรวมประมาณ 155,237 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่อาคารคลังสินค้าในโซนบางนา-ตราด สัดส่วนประมาณ 90% และพื้นที่อาคารโรงงานในโซน EEC ประมาณ 10% พื้นที่เช่าหลังคารวมประมาณ 71,482 ตารางเมตร และพื้นที่เช่าลานจอดรถรวมประมาณ 2,983 ตารางเมตร บนที่ดินรวมประมาณ 172 ไร่ 2 งาน 26.75 ตารางวา
ประกอบด้วย 1.โครงการอาคารโรงงาน DTS ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ชลบุรี ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี 2.โครงการอาคารโรงงาน Roechling ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 1 ตำบลเขาคันทรง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี 3.โครงการ WHA Mega Logistics Center (ชลหารพิจิตร กม.3 เฟส 1) ตั้งอยู่ที่ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 4.โครงการ WHA Mega Logistics Center (ชลหารพิจิตร กม.3 เฟส 2) ตั้งอยู่ที่ ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ และ 5.โครงการ WHA KPN Mega Logistics Center (ถนนบางนา-ตราด กม.23 เฟส 2) ตั้งอยู่ที่ ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ
นางสาวนฤมล กล่าวว่า ทรัพย์สินที่เข้าไปลงทุนนั้น มีความโดดเด่นในด้านทำเลที่ตั้งซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านโลจิสติกส์ รวมถึงโครงการซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ EEC ซึ่งจะเป็นการสร้างมูลค่าเสริมเพิ่มให้กับกองทรัสต์ได้ในระยะยาว อีกทั้งมีความโดดเด่นของผู้เช่าที่เป็นกลุ่มธุรกิจ E-Commerce ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจเมกะเทรนด์ที่มีการเติบโตสูง รวมถึงผู้เช่าที่เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Plug-in Hybrid Car) ซี่งจะช่วยให้กลุ่มลูกค้าผู้เช่าของกองทรัสต์มีความหลากหลายมากขึ้น
บริษัทคาดว่าจะโอนสินทรัพย์ทั้ง 5 โครงการได้ภายในปีนี้และจะส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินรวมของกองทรัสต์ WHART เพิ่มขึ้นแตะ 3.8 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่มีมูลค่าทรัพย์สินรวม 3.32 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหน่วยทรัสต์และยังสามารถรักษาสัดส่วนทรัพย์สินประเภท Freehold ต่อ Leasehold ในระดับใกล้เคียงเดิมประมาณ 67% ต่อ 33% เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการลดมูลค่าของทรัพย์สินของกองทรัสต์ในอนาคต และสามารถรักษาระดับ Occupancy rate ได้ประมาณ 90% อย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันบริษัทวางแผนจะขยายการลงทุนเพิ่มปีละ 150,000-160,000 ตารางเมตร หรือมูลค่าลงทุนที่ประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท เพื่อหวังเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินรวมให้เติบโตได้ต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัทมีแผนออกหุ้นกู้วงเงิน 1,500 ล้านบาทเพื่อใช้คืนหนี้ คาดว่าจะออกได้ในเดื่อน ธ.ค.นี้