ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,637.85 จุด ลดลง 3.03 จุด (-0.18%) มูลค่าการซื้อขาย 50,306.16 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,642.50 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,634.50 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 734 หลักทรัพย์ ลดลง 831 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 489 หลักทรัพย์
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ จากแรง Take profit หลังปรับตัวขึ้นไปแรง ด้านตลาดในยุโรปติดลบราว 0.3% เช่นเดียวกับดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (Bond yield) เป็นบวก และเงินดอลลาร์สหรัฐฯก็แข็งค่าขึ้น ทำให้ Emerging Market มีแรงขายเข้ามา ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ประกาศออกมาก็ยังไม่ได้ดีเท่าใดนัก แต่ตลาดฯยังมีปัจจัยวกจาก MSCI เพิ่มหุ้นไทยเข้าไปในการคำนวนดัชนี แต่ก็น่าจะมีผลในปลายเดือน ดังนั้น ตลาดฯจึงเป็นลักษณะของการปรับฐานชั่วคราว
อย่างไรก็ดี ยังจะต้องติดตามการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเรื่องความชัดเจนการลงนามข้อตกลงการค้า และการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป รวมถึงงาน SET in the city 2019 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 14-17 พ.ย.นี้ คาดหวังว่าจะทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้ามาในตลาดฯ ส่วนต่างประเทศก็ให้ติดตามตัวเลข GDP งวดไตรมาส 3/62 ของยุโรป
แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า นายถนอมศักดิ์ กล่าวว่า ตลาดฯคงจะยังอยู่ในลักษณะแกว่งตัว โดยให้กรอบไว้ที่ 1,620-1,660 จุด โดยนักลงทุนคงจะเลือกเล่นหุ้นเป็นรายตัวไป
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,022.31 ล้านบาท ปิดที่ 45.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,578.80 ล้านบาท ปิดที่ 55.50 บาท ลดลง 0.75 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,412.24 ล้านบาท ปิดที่ 152.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
GPSC มูลค่าการซื้อขาย 1,297.29 ล้านบาท ปิดที่ 83.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
SCC มูลค่าการซื้อขาย 1,283.91 ล้านบาท ปิดที่ 393.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท