(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์คล้ายภูมิภาค รอดูถ้อยแถลงของ"ทรัมป์"หลังเจรจาการค้ามีความไม่แน่นอน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 11, 2019 09:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ออกด้านข้าง คล้ายคลึงกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย โดยต่างรอดูถ้อยแถลงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯในวันนี้ ที่จะไปพูดที่นิวยอร์ก ในประเด็นการเจรจาการค้ากับจีน หลังจากที่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาข่าวออกมาค่อนข้างสับสนมีความไม่แน่นอน

นอกจากนี้ ให้ติดตามนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะแถลงต่อสภาคองเกรสเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในวันที่ 13 พ.ย.นี้ โดยให้รอดูนโยบายด้านดอกเบี้ยจะเป็นอย่างไร

ส่วนบ้านเราก็ให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 3/62 ในช่วงโค้งสุดท้าย พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,630-1,640 จุด โดยแนะให้เลือกเล่นหุ้นเป็นรายตัว

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (8 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,681.24 จุด เพิ่มขึ้น 6.44 จุด (+0.02%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,093.08 จุด เพิ่มขึ้น 7.90 จุด (+0.26%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,475.31 จุด เพิ่มขึ้น 40.80 จุด (+0.48%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 30.26 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 14.22 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 289.73 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 9.21 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 1.84 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 4.81 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 10.52 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ลดลง 6.55 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (8 พ.ย.62) 1,637.85 จุด ลดลง 3.03 จุด (-0.18%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 755.54 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 พ.ย.62
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (8 พ.ย.62) ปิดที่ 57.24 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 9 เซนต์ หรือ 0.2%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (8 พ.ย.) อยู่ที่ 2.66 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 30.35 ตลาดยังรอความชัดเจนการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน มองกรอบเคลื่อนไหววันนี้ 30.30-30.40
  • "คมนาคม" ภายใต้การคุม "ศักดิ์สยาม" แค่ 4 เดือนสั่งรื้อยกใหญ่ ทั้งนโยบายรถตู้ ไม่บังคับเปลี่ยนเป็นมินิบัส เร่งเคลียร์ 2 ค่าโง่ มั่นใจได้ข้อสรุปต่อสัมปทานทางด่วน 30 ปี จ่อสรุปเงื่อนไขโครงการทางด่วน 2 ชั้น ขีดเส้น 6 เดือนทบทวนแผน ซื้อฝูงบิน 1.5 แสนล้าน พร้อมเขย่าบอร์ดรัฐวิสาหกิจ ลุ้นประธานการบินไทยคนใหม่
  • คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงานหนุนกระทรวงพลังงาน เร่งศึกษาจัดทำแผนแม่บทพัฒนาอุตสาหกรรมปิโตเคมี เฟส 4 มุ่งดันโรงกลั่นน้ำมันในประเทศ ยกระดับผลิตปิโตรเคมีพื้นฐานแนฟทา รับอนาคตก๊าซฯอ่าวไทยหมด บูมลงทุนกว่า 3 แสนล้านบาท รับอุตสาหกรรมเป้าหมาย อีอีซี ก.อุตฯ คาด กนอ.ได้ข้อสรุปผลศึกษาถมทะเลทันกลุ่มเอ็กซอนฯ ที่ขีดเส้นขอคำตอบภายในไตรมาสแรกปี 63
  • นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง สั่งให้ธนาคารกรุงไทยหามาตรการกระตุ้นการใช้ของผู้ได้สิทธิ์มาตรการ"ชิมช้อปใช้"ทั้งเฟส 1 และ 2 จำนวน 13 ล้านคน ในเป๋าตัง 2 ที่ผู้ได้สิทธิ์ต้องเติมเงินซื้อสินค้าและได้เงินคืนจากรัฐบาล 15% สำหรับไม่เกิน 3 หมื่นบาทแรก และ 20% ในส่วนที่ไม่เกิน 5 หมื่นบาท
  • พาณิชย์เร่งสรุปผลศึกษาเอฟทีเอไทย-อียู เหตุประชาสังคมหวั่นลดภาษีทำเหล้า ไวน์ มีราคาถูกลงและจะทะลักเข้าไทยกระทบต่อสุขภาพประชาชน ขณะที่ก้าวต่อไปของ "อาร์เซ็ป" หลัง 15 ชาติสมาชิกกำลังนัดประชุมขัดเกลาถ้อยคำทางกฎหมายให้แล้วเสร็จในเดือน มิ.ย.63

*หุ้นเด่นวันนี้

  • EA (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 60 บาท กำไรปกติ Q3/62 ดีกว่าฟินันเซียฯและตลาดคาด 12-15% ทำได้ 1.76 พันล้านบาท เป็นสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงถึง 55.8% ค่าใช้จ่ายขายและบริหารลดลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่รายได้โรงไฟฟ้าเข้ามาเต็มที่ทุกโครงการ ทำให้ EBITDA margin สูงเป็นประวัติการณ์ที่ 67.8% ด้านกำไรปกติ 9M62 +35% Y-Y คาดทั้งปีน่าจะโตได้เกือบ 20% คาดปีหน้าโตต่ออีก +19% จากธุรกิจใหม่ที่ส่วนใหญ่เริ่มใน 2Q63 ทั้งแบตเตอรี่เฟสแรก 1GWh รถยนต์ไฟฟ้า "MINE" ซึ่งมีคำสั่งซื้อแล้ว 3.5 พันคัน เรือไฟฟ้า โครงการ Green diesel และ PCM รวมถึงสถานีชาร์จไฟฟ้าที่ติดตั้งไปแล้ว 776 หัวชาร์จ ส่วนราคาหุ้นที่ปรับลงทำให้ PE ปีหน้าเหลือเพียง 22 เท่า คิดเป็น PEG 1.15 เท่า ถูกสุดในรอบหลายปี
  • MAJOR (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 33 บาท กำไรสุทธิเป็นไปตามคาด 195 ล้านบาท -61% Q-Q, +45% Y-Yและกำไร9M62+16% Y-Y แนวโน้ม Q4/62 จะกลับมาโต Q-Q ตามฤดูกาลอีกครั้ง (แต่ลดY-Yเพราะฐานสูง)
  • CPF (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 33.5 บาท ทยอยสะสมมองราคาหุ้นลดลงสะท้อนข่าวแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์หมูแอฟริกาไปแล้ว ขณะที่ปัจจุบันราคาหมูในประเทศเริ่มฟื้นตัวจากระดับ 55 บาทต่อกก. เป็น 60 บาทต่อกก. เช่นเดียวกับราคาหมูเวียดนามที่ฟื้นตัวขึ้นกว่าเท่าตัวจากระดับ 33,000 ดองต่อกก. ขึ้นเป็น 60,000 ดองต่อกก. ในปัจจุบันคาดว่าจะช่วยหนุนผลประกอบการ Q3/62 และ Q4/62 ฟื้นตัว
  • SCC (เคทีบี) "ซื้อ"เป้าเชิงกลยุทธ์ 410 บาท เชื่อราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัว หลังปัจจัยกดดเริ่มคลี่ยคลาย ไม่ว่าจะเป็นค่าเงินบาทที่กลับมาอ่อนค่า หนุนสินค้าส่งออกของกลุ่ม SCC ผลกระทบจากการเจรจาการค้าสหรัฐกับจีนออกมาในโทนบวกเพิ่มขึ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ