บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) เปิดเผยว่า ผลกำไรที่ลดลงในช่วงไตรมาส 3/62 มีสาเหตุมาจากการบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษอันเกิดจากการทำ Backdoor Listing ธุรกิจเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) รวมประมาณ 200 ล้านบาท ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นการชำระเพียงครั้งเดียวจบ (One-time expenses) บริษัทไม่ต้องชำระค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มอีกในอนาคต
หลังจากนี้ ตั้งแต่ไตรมาส 4/62 เป็นต้นไปบริษัทจะมีเพียงค่าใช้จ่ายพื้นฐานที่เกี่ยวกับการดำเนินงานและขยายธุรกิจเท่านั้น ซึ่งจะทำให้สามารถรับรู้และบันทึกรายได้ กำไร จากการดำเนินธุรกิจได้อย่างเต็มตัวและเติบโตอย่างมั่นคง
อนึ่ง STARK แจ้งผลประกอบการไตรมาส 3/62 ขาดทุนสุทธิ 81.08 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.003 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 91.96 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 9,195.99 บาท
ขณะที่ STARK ชี้แจงว่าผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนของปี 62 บริษัทมีรายได้รวม 7,675.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 430.5 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5.9% จากงวด 9 เดือนแรกของปี 61 ขณะที่กำไรสุทธิ (ภายหลังปรับปรุงค่าใช้จ่ายพิเศษ) เท่ากับ 269.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.5 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.5% จากช่วงเดียวกันของปี 61 ที่มีกำไรสุทธิ 257.7 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทมีรายได้หลักการการผลิตและจำหน่ายสายไฟฟ้า ผ่านบริษัทย่อย "บริษัท เฟ้ลปส์ ดอด์จ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด" ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกปี
จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ธุรกิจการผลิตและจำหน่ายสายไฟในบริษัทย่อยมีการเติบโตที่เพิ่มขึ้นโดยตลอด ทั้งยังมีการขยายฐานลูกค้าออกสู่ต่างประเทศมากขึ้น โดย STARK ได้เข้าศึกษาการลงทุนในธุรกิจที่สร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าทุกประเภทที่จะมาเสริมให้โครงสร้างธุรกิจแข็งแกร่งขึ้น เช่นก่อนหน้านี้บริษัทได้พิจารณาเข้าลงทุนซื้อกิจการ บริษัท อดิสรสงขลา จำกัด ซึ่งเกี่ยวข้องกับธุรกิจบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล (Manpower services) ที่มีความมั่นคง และเป็นการลงทุนที่จะได้ผลตอบแทนคุ้มค่า โดยจะมีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 29 พ.ย.62 เพื่อพิจารณาธุรกรรมดังกล่าว หากได้รับการอนุมัติคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 62 และเริ่มรับรู้รายได้และผลกำไรได้ทันที