MONO วางเป้า 3 ปี (ปี 63-65) รายได้แตะ 5 พันลบ.-ล้างขาดทุนสะสม คาดพลิกมีกำไรในปี 63

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 19, 2019 16:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โมโน เทคโนโลยี (MONO) และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โมโน ฟิล์ม จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนธุรกิจในช่วง 3 ปี (ปี 63-65) โดยตั้งเป้ารายได้จะปรับขึ้นไปแตะ 5 พันล้านบาทในปี 65 แม้ว่าในปีนี้คาดว่ารายได้จะพลาดเป้าหมาที่วางไว้ในระดับ 3.5 พันล้านบาท พร้อมทั้งคาดว่าจะสามารถล้างขาดทุนสะสมที่มี 1.58 พันล้านบาทภายใน 3 ปีนี้ โดยจะพลิกกลับมามีกำไรในปี 63

สำหรับรายได้หลักในช่วงแผนดังกล่าวจะยังมาจากธุรกิจสื่อ คือ ช่อง MONO 29 , MONO MAX และมีรายได้จากธุรกิจใหม่ จะมาจากการร่วมมือกับบมจ.ทริปเปิลที บรอดแบนด์ (3BB) ให้บริการ IPTV

ขณะที่ผลประกอบการของปี 62 คาดว่าจะยังขาดทุนต่อเนื่องจากปี 61 ที่มีผลขาดทุน 193 ล้านบาท โดยในงวด 9 เดือนแรกของปีนี้บริษัทมีผลขาดทุน 385 ล้านบาท เทียบกับงวด 9 เดือนปี 61 มีผลขาดทุน 37 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 3/62 มีผลขาดทุน 177 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/61 ที่มีขาดทุน 70 ล้านบาท เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายพนักงานจากการปรับลดจำนวนลง 15% เพื่อลดขนาดองค์กร

ในด้านรายได้ในปี 62 พลาดจากเป้าหมาย 3.5 พันล้านบาท โดยในงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ทำรายได้ราว 1.7 พันล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 1.9 พันล้านบาท

นายปฐมพงศ์ กล่าวว่า บริษัทวางแผนงานในปี 63 จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นราคาค่าสื่อโฆษณาของช่อง MONO 29 ซึ่งเป็นรายได้หลัก 80% ของบริษัท รวมทั้งรายได้จากธุรกิจส่วนอื่นๆ มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ได้แก่ รายได้จาก MONO MAX, รายได้ sponsership, รายได้จากทีวีโฮมช้อปปิ้ง และ รายได้จากภาพยนตร์ คิดเป็น สัดส่วน 6.1%, 7.15%, 3.5% และ 2.2% ตามลำดับ

ทั้งนี้ ช่อง MONO 29 บริษัทได้ปรับขึ้นราคาค่าสื่อโฆษณา 80-120% โดยในช่วง Prime Time ปรับขึ้นกว่าเท่าตัวจากเดิม 1.5 แสนบาท/นาที เป็น 3 แสนบาท/นาที โดยอัตราใหม่จะเริ่มในเดือน ม.ค. 63 ซึ่งเท่าที่ได้เจรจากับเอเยนซีก็ได้รับผลตอบรับค่อนข้างที่ดีในช่วงเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากก่อนหน้านี้ราคาสื่อโฆษณาของช่อง MONO 29 ต่ำกว่าความเป็นจริงอยู่ราว 67% ขณะที่เรทติ้งรั้งอันดับที่ 3 (สัดส่วน 10.5%) ตามหลังช่อง 3 และช่อง 7 ซึ่งถือว่าเติบโตเร็วกว่าคาดในฐานะ MONO เป็นช่องใหม่

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา MONO 29 สามารถยืนอยู่ในอันดับที่ 3 ได้อย่างมั่นคง ทั้งนี้คาดว่าหลังปรับราคาสื่อโฆษณาจะทำให้รายได้ส่วนนี้เติบโต 12-15% ภายใน 3 ปี รวมทั้งการวางกลยุทธ์ปรับผังรายการให้ตรีงคนดูทำได้ดีขึ้นจากไตรมาส 2/62 โดยเรทติ้งขึ้นมา 20% ในไตรมาส 3/62

"ค่าโฆษณาทีวีดิจิทัลของเราถูกกดราคาลงมาเหลือ 1 ใน 3 ของราคาที่ควรจะได้เหมือนช่อง 3 และช่อง 7 หรือรับจริง 33% ตอนนี้เรามีผังมั่นคง เอเจนซี่หลายเราได้เข้าไปพูดคุยแล้ว เพราะเราไม่ได้เป็นหน้าใหม่ ... ปีหน้า อาจจะได้ปรับค่าโฆษณาใกล้เคียงกับช่อง ONE และช่อง เวิรค์พ้อยท์ ได้ซึ่งต่ำกว่ารายใหญ่ 20-30%"นายปฐมพงศ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจในปี 63 ยังไม่ค่อยฟื้นตัวดีนัก โดบคาดว่ารายได้สื่อโฆษณาอาจจะทรงตัว หรือ บวก/ลบราว 5% โดยภาพรวมมูลค่าตลาดของสื่อโฆษณาคาดว่าจะลดลงมาที่ 6.4-6.5 หมื่นล้านบาท จากปี 62 ที่น่าจะมีมูลค่าราว 6.6 หมื่นล้านบาท

สำหรับ MONO MAX ซึ่งเป็น Video on Demand ผ่านแอพพลิเคชั่นบนมือถือ ปัจจุบันมียอดดาวน์โหลด 5.5 ล้านราย และมีสมาชิกที่ใช้บริการสม่ำเสมอ 6 หมื่นราย คาดว่าในปี 63 จะเติบโตขึ้นเป็น 1.1 แสนราย

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MONO กล่าวว่า ในเดือน มิ.ย.63 หรือในไตรมาส 2/63 จะเปิดตัว IPTV ที่ร่วมกับ 3BB กับ KT จากเกาหลี ตั้งเป้าว่าช่วงแรกของการให้บริการจะมีลูกค้า 1.5 แสนราย และจะเพิ่มเป็น 1-1.5 ล้านรายภายใน 1 ปีหรือราวกลางปี 64 พร้อมทั้งคาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้ 10%

ทั้งนี้ คอนเท้นท์ของ MONO MAX กับ IPTV จะไม่เหมือนกัน ขณะที่คอนเท้นท์ในช่อง MONO 29 กับ IPTV จะซ้ำกันไม่เกิน 30% โดยคาดว่าจะเสนอค่าบริการรายเดือน 200-300 บาท เน้นการใช้งานง่าย เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย และมีแพ็คเกจพ่วงกับบริการอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์

นอกจากนี้ ยังมี MONO Events ที่จะเน้นจับกลุ่มวัยรุ่น กลุ่มลุกค้าต่างจังหวัด คาดมี 15-16 งานในเทศกาลสำคัญต่าง ๆ เช่น เทศกาลขึ้นปีใหม่ สงกรานต์ รวมทั้งอีเว้นท์กีฬา เช่น บาสเก็ตบอล ส่วนในปี 63 บริษัทมีแผนจะผลิตซีรีย์ (MONO Originals) โดยจะผลิตด้วยตัวเอง 12 เรื่อง และร่วมมือกับพันธมิตรอีก 6 เรื่อง นำมาออกอากาศผ่านช่อง MONO 29

นายปฐมพงศ์ กล่าวว่า ในปี 63 บริษัทตั้งงบลงทุน 1.5 พันล้านบาทใกล้เคียงปีก่อน เพื่อซื้อหนังต่างประเทศมาออกอากาศในช่อง MONO 29 และ MONO MAX ส่วนงบการตลาดตั้งไว้ 150 ลานบาทใกล้เคียงปีก่อนเช่นกัน ทั้งนี้ ช่อง MONO 29 ยังคงเน้นคอนเท้นท์หนัง Action , Sci-Fi ,Fantacy เป็นหลัก

นอกจากนี้ในปี 63 ยังมีแผนเพิ่มรายการโฮมช้อปปิ้งที่เกี่ยวกับ Beauty และ Healthcare เพราะมีอัตรากำไร (มาร์จิ้น) สูงถึง 70% จากปกติมาร์จิ้นอยู่ที่ 35% เพราะบริษัทเพียงลงทุนเวลาช่องและถ่ายทำ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ