นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะซิกแซกขึ้น เล็งขานรับ Sentiment บวกจากหุ้นโลกที่ปรับตัวขึ้น โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็ปรับตัวขึ้นราว 0.3-0.5% จากความคาดหวังเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ดีขึ้น หลังจากที่จีนได้เพิ่มบทลงโทษผู้ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ทำให้คาดหวังว่าข้อตกลงการค้าน่าจะบรรลุได้ในเฟสแรก
นอกจากนี้ ในทางเทคนิคหลังจากที่ทะลุ 1,610 จุดขึ้นไปได้ก็สะท้อนความแข็งแกร่ง และปรับตัวขึ้นต่อไปได้ อย่างไรก็ดี วันนี้ให้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่จะพิจารณา 3 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และพิจารณาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกด้วย รวมทั้ง MSCI จะปรับน้ำหนักการลงทุนมีผลวันนี้ ดังนั้นในช่วงท้ายตลาดฯอาจเกิดความผันผวนได้
พร้อมให้แนวรับ 1,610 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,620 ถัดไป 1,630-1,635 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (25 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,066.47 จุด พุ่งขึ้น 190.85 จุด (+0.68%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,133.64 จุด เพิ่มขึ้น 23.35 จุด (+0.75%) ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,632.49 จุด เพิ่มขึ้น 112.60 จุด (+1.32%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 158.59 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 6.35 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 190.86 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 46.79 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 5.77 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 5.76 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.71 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (25 พ.ย.62) 1,614.80 จุด เพิ่มขึ้น 17.08 จุด (+1.07%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,515.00 ล้านบาท เมื่อวันที่ 25 พ.ย.62
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (25 พ.ย.62) ปิดที่ 58.01 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 24 เซนต์ หรือ 0.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (25 พ.ย.) อยู่ที่ -0.89 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.21/25 แนวโน้มแกว่งกรอบแคบ ตลาดยังรอติดตามความคืบหน้าการเจรจาการค้า
- พิษบาทแข็งลามหนักธุรกิจท่องเที่ยวอินบาวด์ สะเทือนชัดถึงต้นปี 2563 หลัง "เอเย่นต์ทัวร์" ส่งสัญญาณ กัดฟันขึ้นราคาทัวร์ ช่วงหน้าขายปลายปีนี้สอดคล้องกับค่าเงิน สู้ภาวะการแข่งขันรุนแรง ด้าน "ททท." มั่นใจยอดทัวริสต์ ต่างชาติเข้าเป้า 39.8 ล้านคนปีนี้ ส่วนรายได้ยังต้องขอลุ้นแตะ 2.04 ล้านล้านบาท ย้ำกลยุทธ์ "ราคา" ชี้ขาดการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวยุคเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
- "สนธิรัตน์" เผยนโยบายโรงไฟฟ้าชุมชน ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการและท้องถิ่นทั่วประเทศอย่างคึกคัก เตรียมออกประกาศหลักเกณฑ์การลงทุน และเริ่มคิกออฟปี 63 ตั้งเป้า 1,000 เมกะวัตต์ ดันเศรษฐกิจไทยเงินสะพัดกว่า 1 แสนล้านบาท
- คลังชงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้า ครม. 'อุตตม' ยันดูแลทุกกลุ่ม อุ้มผู้ประกอบการ 'สมคิด' โอดจาก 4 ขาเหลือขาเดียว 'ออมสิน' ปล่อยกู้สินเชื่อบ้านดอกเบี้ยพิเศษ เงินต้น 1 ล้านบาทปีแรกคิดเดือนละ 10 บาท
- "ศูนย์วิจัยกสิกร" เผยยอดสินเชื่อทั้งระบบเดือนต.ค.หดตัว 8.7 หมื่นล้านบาท เป็นการลดลงในทุกแบงก์ ผลจากภาคธุรกิจชำระคืนหนี้ ขณะภาพรวม ทั้งระบบในช่วง 10 เดือนปี 62 ยอดสินเชื่อยังขยายตัวต่ำคาด
- อุตฯ ปลื้มขอตั้งโรงงานใหม่ทะลัก เผย 5 อุตสาหกรรมแนวโน้มสดใส ต้องการแรงงานใหม่สูง ทั้งกลุ่มอาหาร พลาสติก ยานยนต์และชิ้นส่วน ชี้นักลงทุนเชื่อมั่นนโยบายส่งเสริมลงทุน หลังพบตัวเลข 11 เดือน มูลค่าลงทุนขอตั้งโรงงาน-ขยายกิจการ 4.45 แสนล้านบาท เติบโต 37.94% ความต้องการแรงงานกว่า 1.78 แสนคน
- กรมการค้าภายในเผยราคาผลปาล์มดิบพุ่งทะลุกิโลละ 4 บาท บางพื้นที่ขยับขึ้นถึง 4.60 บาท เหตุน้ำมันปาล์มดิบถูกนำไปใช้ผลิตบี 10 ผลิตไฟฟ้า และมาตรการสกัดนำเข้าได้ผล
*หุ้นเด่นวันนี้
- MINT (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 46 บาท Top pick กลุ่มท่องเที่ยว ได้ประโยชน์โดยตรงจากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นตาม High season ของธุรกิจ, ขาย Trivoly Hotel 3 แห่งช่วยลดแรงกดดันจากการเพิ่มทุน อีกทั้งยังมีการกระจายความเสี่ยงดีสุดเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการโรงแรมทั้งหมด (อาหาร 50%, โรงแรม 50% และรายได้ในประเทศ 50%, ต่างประเทศ 50%)
- CPF (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 33 บาท ราคาเนื้อสัตว์ปรับขึ้นถ้วนหน้า ราคาหมูไทยปรับขึ้น 2 บาท/กก.จากสัปดาห์ก่อนมาอยู่ที่ 61.5 บาท/กก. เหนือต้นทุนเลี้ยงที่ 56-57 บาท ราคาไก่ปรับขึ้น 2 บาท/กก. มาอยู่ที่ 35.5 บาท/กก. เหนือต้นทุนเลี้ยงที่ 33-34 บาท ราคาหมูเวียดนามขยับขึ้นสู่ 7-7.5 หมื่นดอง/กก. (ต้นทุนเลี้ยง 3.5 หมื่นดอง/กก.) สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และคาดทรงตัวในระดับสูงอีกระยะหนึ่ง, เป็นบวกต่อ CPF ตั้งแต่ Q4/62 เป็นต้นไป เพราะรายได้จากธุรกิจในไทยและเวียดนามรวมกันสูงถึง 42% ของรายได้รวม และราคาวัตถุดิบยังทรงตัวในระดับต่ำ ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น PE 13 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 16-17 เท่า ขณะที่ TFG มี Valuation แพง และ GFPT ต้องใช้เวลาฟื้นฟูโรงงานจากเพลิงไหม้