(เพิ่มเติม) โบรกฯ เผยลือกันตั้งแต่เช้าคลังกดดันหนักเลิก 30% หวั่นเงินเก็งกำไรเข้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 29, 2008 16:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          แหล่งข่าวจากวงการโบรกเกอร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ได้รับแรงกดดันอย่างมากจากภาครัฐ ให้ทำการยกเลิกการใช้มาตรการสำรอง 30% โดยเฉพาะในช่วงเช้ามีข่าวหนาหูออกมาว่า ธปท.อาจจะต้องยกเลิกมาตรการดังกล่าวเร็ว ๆ นี้
อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างขึ้นกับธปท.เป็นผู้ผู้ตัดสินใจในครั้งนี้ เพราะไม่ว่าทางผู้ว่า ธปท.จะตัดสินใจอย่างไรออกมา ก็จะได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ที่กำหนดไว้อยู่แล้ว ต่อให้รัฐมนตรีคลังก็ไม่สามารถทำอะไรได้
ดังนั้น หากประเมินจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ มองว่าเป็นเรื่องยากที่ ธปท.จะประกาศยกเลิกมาตรการสำรอง 30% หากยังไม่ได้มีมาตรการอื่นมารองรับเลย อีกทั้งค่าเงินบาทก็ยังแข็งค่าอยู่ที่ 31 บาทกว่า ๆ /ดอลลาร์ ดังนั้น หากมีการยกเลิกมาตรการสำรอง 30% จริง ก็มีโอกาสที่ค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นอีก โดยขณะนี้มองการแข็งค่าของเงินบาทไว้แถว 29-30 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ
"ที่จริงตอนนี้มีเงินรออยู่นอกตลาด พร้อมที่จะเข้ามาเล่นเก็งกำไรค่าเงินบาท ทันทีที่ยกเลิกมาตรการสำรอง 30% ก็จะสนับสนุนให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นในระยะหนึ่ง หลังจากนั้นก็จะมีแรงขายออกมา เพื่อที่จะทำการโยกเม็ดเงินออกจากตลาดทุนไปเล่นเก็งกำไรเงินบาทในตลาดเงินแทน และเชื่อว่ายังไงเงินบาทก็ต้องแข็งค่าขึ้นอีกแน่หากยกเลิกมาตรการสำรอง 30% จริง"แหล่งข่าว กล่าว
ขณะที่ บทวิเคราะห์ของ บล.ฟินันซ่า กล่าวถึงกระแสข่าวลือที่แบงก์ชาติจะเปิดแถลงด่วนบ่าย 4 โมงวันนี้เกี่ยวกับการยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะยกเลิก เนื่องจากนับแต่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 18 ธ.ค. 06 ค่าเงินบาทแข็งค่าไปแล้ว 13% มากกว่าเพื่อนบ้าน แสดงว่าให้ยาไม่ตรงกับโรค
นอกจากนั้น ที่ผ่านมาได้มีการแก้ไข/ผ่อนผัน/ยกเว้นไปเยอะแล้ว จนกระทั่งเฉพาะเงินลงทุนจากต่างประเทศที่จะมาลงทุนในตราสารหนี้และกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) ที่ยังโดน 30% ในขณะที่การลงทุนในตลาดหุ้น หรือเงินลงทุนโดยตรง (FDI: Foreign Direct Investment) ไม่โดน
ส่วนผลกระทบหากมีการยกเลิกมาตรการ 30% ระยะสั้น เป็นตัวกระตุ้นให้เงินไหลเข้ามาไทยมาขึ้น (ทั้งทางตรงและทางอ้อม) โดยเฉพาะการหนีร้อน (USD) มาพึ่งเย็น (THB) ซึ่งหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์ไม้แรกคือ กลุ่มอสังหาฯที่มีแผนจะออก/ขยาย Property Fund" ได้แก่ CPN TICON SF TDF และ AMATA ในอนาคต
กลุ่มที่เป็นไม้รองคือ “กลุ่มโบรกเกอร์" ที่วอลุ่มอาจทะลัก จับตา PHATRA BSEC และ KGI
แต่กลุ่มที่อาจโดนขายออกคือ “ส่งออก ตระกูล 3 อ" คือ ออโต้ อิเล็คโทรนิคส์ & อาหาร
ในระยะยาว ต้องติดตามผลกระทบของการแข็งค่าเงินบาทให้ดี เพราะท้ายสุดแล้วหากแข็งกว่าคู่แข่งมากเกินไปอาจทำให้สะเทือนความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจส่งออกซึ่งคือเส้นเลือดหลักที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจของบ้านเรา

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ